วันนี้ (30 ต.ค.2560) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เป็นห่วงภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ที่จะตกต่อเนื่องในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-3 พ.ย.นี้ จึงได้สั่งการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยเต็มกำลัง โดยจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องจักรกล และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที
เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ฉบับที่ 2 ระบุว่าจะมีผลกระทบถึงวันที่ 3 พ.ย.นี้ ตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และ จ.กระบี่
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.ชี้แจงถึง ปริมาณน้ำที่ค่อนข้างมากในปีนี้ว่า เป็นอิทธิพลมาจากพายุโซนร้อน ตาลัสเซินกา พายุไต้ฝุ่นทกซูรี และพายุดีเปรสชั่น เมื่อเปรียบกับ ณ เวลาเดียวกัน ในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 พบปริมาณน้ำฝนสะสมรวมที่ 1,798 มิลลิเมตร ซึ่งในทางสถิติถือว่ามีปริมาณใกล้เคียงกัน
แต่ก่อนหน้านี้ ที่รัฐบาลได้พยายามบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ตามห้วงเวลาตั้งแต่ช่วงก่อนน้ำมา และระหว่างน้ำมา ทั้งการพัฒนาเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำ แก้มลิง ตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยา กรน้ำทั้งประเทศ การวางแผนเวลาการระบายน้ำฤดูฝน การบริหารระดับน้ำในเขื่อนให้มีระดับเหมาะสม การใช้พื้นที่ทุ่งรับน้ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เช่น การกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงการเตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำ และเรือผลักดันน้ำ และพยายามไม่ให้น้ำขยายวงกว้างมากขึ้น
แต่ยอมรับว่า มีบางพื้นที่ที่สุดวิสัยและได้รับผลกระทบโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กำชับผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ