วันนี้ (13 พ.ย.2560) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารภัยประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนัก หลังกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ โดยหากประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 10 จังหวัด แบ่งเป็น ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน 1 จังหวัด ได้แก่ จ.พิจิตร ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครสวรรค์ อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี และลุ่มน้ำชี 5 จังหวัด ได้แก่ จ.หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด
ขณะที่แผนระบายน้ำออกจาก 12 ทุ่ง เริ่มระบายตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเริ่มที่ทุ่งบางระกำ ทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก ทุ่งบางกุ่ม ทุ่งบางกุ้ง โครงการรังสิตใต้ ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทุ่งบ้านโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด และคาดว่าจะระบายน้ำผ่านแม่น้ำท่าจีนในทุ่งสุดท้าย คือ โครงการโพธิ์พระยา เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.2560 - 4 ม.ค.2561
สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำปัจจุบัน ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูแล้งแล้วเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งปริมาณน้ำฝน ที่ตกเป็นปกติในปีนี้ทำให้ 4 เขื่อนหลัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 20,883 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 84 ของปริมาณน้ำทั้งหมด เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 14,187 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 78 ของปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งหมด มากกว่าปีที่ผ่านมากว่าเท่าตัว ซึ่งเป็นไปตามที่กรมชลประทานได้คาดการณ์ ไว้ก่อนหน้านี้