ป.ป.ช.ให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องคดีเงินทอนวัด

สังคม
20 พ.ย. 60
10:54
740
Logo Thai PBS
ป.ป.ช.ให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องคดีเงินทอนวัด
ป.ป.ช.มีมติ ชี้มูลความผิด อดีตผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมส่งเรื่องต่อไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้พิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่

กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งให้ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหา นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ และ นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. และน.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ พศ. ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา 20 ล้านบาท เมื่อเร็วๆ นี้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทั้ง 3 ไปแล้ว

วานนี้ (19 พ.ย.2560) นายสุรศักดิ์  ระบุว่า คณะอนุกรรมการรไต่สวนข้อเท็จจริง ได้สรุปสำนวนเสนอเข้าที่ประชุม ป.ป.ช. ให้พิจารณาจนมีมติชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาล ซึ่งคดีนี้ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน เนื่องจากพฤติกรรมการทุจริตเงินทอนวัดมี 2 กรณี คือ 1.ทอนเป็นเงินสด และ 2.ทอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร

ส่วนคดีทุจริตเงินทอนวัดอื่นๆ ที่อยู่ใน ป.ป.ช. ล้วนมีรูปแบบการทุจริตเหมือนกันทั้งหมด และมีตัวละครเดียวกันกับกรณีทุจริตวัดพนัญเชิงฯ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องบางคนได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ คาดว่า อีกไม่นาน ป.ป.ช.คงจะมีการชี้มูลผู้ที่ร่วมกระทำผิด หรือผู้ที่สนับสนุนการกระทำความผิดต่อเนื่อง ตามที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือปปป.ได้แจ้งข้อกล่าวหา และได้ส่งข้อมูลไปให้ โดยมีพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย

ส่วนกรณีพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. ลงนามในคำสั่งโยกย้ายผู้อำนวยการ พศ. จังหวัด และข้าราชการระดับสูงใน พศ.2 ครั้งจำนวน 27 คน เชื่อว่าเป็นการโยกย้ายแบบสลับจังหวัด เพื่อให้การตรวจสอบทำได้ง่ายขึ้น น่าจะเป็นการโยกย้ายในลักษณะที่ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ สำหรับคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ที่ ผอ.พศ.ลงนาม 2 ครั้ง ครั้งแรกมีคำสั่งภายหลังกลับเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 1 วัน ในช่วงต้นเดือนต.ค. และครั้งที่ 2 มีคำสั่งเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง