855 ปีชาตกาล "เจงกิสข่าน"

Logo Thai PBS
855 ปีชาตกาล "เจงกิสข่าน"
ในสายตาของนักประวัติศาสตร์ต่างชาติ "เจงกิสข่าน" อาจเป็นผู้นำที่โหดร้าย แต่สำหรับชาวมองโกลแล้ว เขาคือมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในวาระครบรอบชาตกาล 855 ปี มีการจัดงานเฉลิมฉลองให้กับอดีตนักรบผู้พิชิตอย่างยิ่งใหญ่

การสร้างอนุสาวรีย์ทรงม้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก แสดงถึงความเลื่อมใสที่ชาวมองโกลมีต่อ เจงกิสข่าน วีรบุรุษผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมองโกล อาณาจักรซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีเนื้อที่ถึง 1 ใน 5 ของทั้งโลก ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันเกิดของ เจงกิสข่าน ทางการมองโกเลียได้สถาปนาให้เป็นวันแห่งความภูมิใจของชนชาติ เพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิผู้รวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนเล็กๆ ให้กลายเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

ปีนี้ซึ่งครบรอบชาตกาล 855 ปี เจงกิสข่าน มีการจัดงานด้านวัฒนธรรมเกี่ยวกับเจงกิสข่านและชนชาติมองโกลมากมาย ทั้งการแสดงดนตรีของคณะนักดนตรีซอหัวม้าและโชว์การร้องเพลงสไตล์ throat singing ซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่การใช้เสียงจากลำคอเลียนเสียงธรรมชาติ, การจัดแสดงนิทรรศการภาพวาดและประวัติชีวิตของเจงกิสข่าน รวมถึงการจัดการแข่งม้าสายพันธุ์ที่กองทัพมองโกลของเจงกิสข่านเคยใช้ในการขยายอาณาจักร

แม้จะได้รับการเทิดทูนเปรียบดังเทพเจ้า แต่ในสายตาของต่างชาติ เจงกิสข่าน เป็นที่รู้จักในฐานะนักรบที่กระหายเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ การครองแผ่นดินของเขาเป็นเหตุให้ผู้คนต้องเสียชีวิตรวมกันถึง 40 ล้านคน

แต่บทบาทผู้นำของเจงกิสข่าน สร้างคุโณปการแก่ชนชาติมองโกลและต่อชาวโลกมากมาย การปกครองดินแดนที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นที่มาของการคิดค้นระบบไปรษณีย์, การใช้พาสปอร์ต และสิทธิคุ้มครองทางการทูตขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก เจงกิสข่านยังริเริ่มระบบคุณธรรมนิยม เพื่อให้ข้าราชการที่ไม่ได้เกิดในตระกูลขุนนาง มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างเท่าเทียม และยังให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา รวมถึงยกสถานะทางสังคมแก่สตรีอีกด้วย

เออร์เดเน่บาตอร์ ดีมาเจฟ นักประวัติศาสตร์มองโกเลีย กล่าวว่า คุโณปการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจงกิสข่าน คือการสร้างความสงบสุขด้วยการพิชิตดินแดนต่างๆ ในเอเชีย นำไปสู่การเฟื่องฟูการค้าบนเส้นทางสายไหม จุดกำเนิดของการค้าขายระหว่างยุโรปและเอเชีย ภายใต้การคุ้มครองโดยสนธิสัญญาแพค มองโกลลิกา ซึ่งเป็นที่ยำเกรงจนมีคำเปรียบเปรยว่า หญิงใดเดินเปลือยกายผ่านเส้นทางนี้จะไม่ถูกกล้ำกราย ชายใดทูนทองคำบนกระจาดก็จะไม่ถูกปล้น

ในสมัยที่มองโกเลียอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต มีคำสั่งห้ามประชาชนเอ่ยนามของเจงกิสข่าน กระทั่งมองโกเลียประกาศเอกราชในปี 1990 เจงกิสข่านกลายเป็นชื่อที่พบได้ทั่วทุกแห่งในมองโกเลีย ทั้งการตั้งเป็นชื่อยี่ห้อสินค้า และชื่อสถานที่สำคัญเช่นท่าอากาศยานและชื่อโรงแรม และเป็นใบหน้าที่อยู่บนธนบัตรของชาวมองโกลไปตลอดกาล

คัลต์มา บัตตุลกา ประธานาธิบดีคนล่าสุดของมองโกเลีย กล่าวเนื่องในวันแห่งความภูมิใจของชนชาติว่า วัน National Pride Day มีความหมายต่อชาวมองโกลที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งล้วนเป็นลูกหลานของเจงกิสข่านผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เคยหลั่งเลือดปกป้องชนชาติ มากกว่าเห็นความสำคัญของชีวิตตนเอง ชาวมองโกลจึงควรสานต่อความเกรียงไกรของชนชาติ ให้สมกับที่อดีตผู้นำผู้ยิ่งใหญ่เคยสร้างเอาไว้

แม้ชื่อของเจงกิสข่านจะพบได้ทั่วไปในมองโกเลีย แต่ปัจจุบันสถานที่ตั้งสุสานที่ฝังร่างอดีตยอดนักรบผู้นี้ ก็ยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง