วันนี้ (29 พ.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสน้ำที่ไหลแรงและเชี่ยวกราดบริเวณสถานีวัดน้ำบ้านบางศาลา อำเภอคลองหอยโข่ง และคลองอู่ตะเภา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทำให้ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ ต้องเปลี่ยนธงสัญลักษณ์ แจ้งเตือนน้ำท่วมจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง คือ การเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ชาวบ้านสองริมฝั่งคลองและชาวบ้าน ใน 8 ชุมชนเสี่ยงภัยน้ำท่วม ได้แก่ ชุมชนจันทร์วิโรจน์ ชุมชนจันทร์ประทีป ชุมชนรัตนวิบูลย์ ชุมชนเทศาพัฒนา ชุมชนคลองระบายน้ำที่ 1 ชุมชนวัดหาดใหญ่ใน ชุมชนตลาดพ่อพรหม และชุมชนศาลาลุงทอง เกิดความกังวลอย่างมากเพราะเกรงว่าปริมาณน้ำอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีฝนตกต่อเนื่อง
ขณะนี้ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้เพื่อเตรียมพร้อมบริเวณซอยจันทร์ประทีป และริมคลอง ร.1 รวมถึงเตรียมความพร้อมของยานพาหนะที่จะใช้ช่วยเหลือกรณีเกิดน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 2 เมตร แต่หากมีน้ำจากอำเภอสะเดา และอำเภอคลองหอยโข่งไหลมาสมทบในคลองอู่ตะเภา ก็อาจทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น
ไม่แตกต่างไปจากชาวบ้านใน 8 ชุมชนของอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มวิกฤต โดยเฉพาะชุมชนหัวสะพานที่อยู่ติดริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก น้ำท่วมเกือบมิดหลังคาบ้าน และน้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรีก็ยังคงไหลมาสมทบ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมขยายเป็นวงกว้าง ชาวบ้านกว่า 1,000 คน ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งบางส่วนได้อพยพมาอยู่ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4
ส่วนที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส โรงเรียนมากกว่า 10 แห่ง ต้องปิดเรียนชั่วคราว เพราะน้ำท่วมสูง ขณะที่บ้านเรือนของชาวบ้านโดยเฉพาะที่บ้านบ่อทอง และบ้านฮูลูปาเร๊ะ น้ำในคลองตันหยงมัสได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ชาวบ้านต้องขนย้ายทรัพย์สิน นำรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาจอดไว้บนที่สูง ส่วนเจ้าหน้าที่จากกรมทหารพรานที่ 45 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ
ที่จังหวัดยะลา สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมืองยะลาขยายวงกว้าง ครอบคลุมใน 10 ชุมชน เจ้าหน้าที่เร่งระดมเครื่องสูบน้ำมาช่วยระบายน้ำลงสู่แม่น้ำสายต่างๆ สำหรับพื้นที่อำเภอธารโต เจ้าหน้าที่ต้องนำรถไถมาดันดินที่ไหลมาปิดทับเส้นทางบ้านปาลัส-ธารโต เพื่อเปิดทางให้ชาวบ้านสามารถเดินทางออกมานอกหมู่บ้าน หลังฝนตกหนักทำให้เกิดดินสไลด์ทับเส้นทางหลายจุด
ที่จังหวัดปัตตานี สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ริมแม่น้ำปัตตานียังคงน่ากังวล หลังเขื่อนปัตตานีต้องเร่งพร่องน้ำออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ปลายน้ำมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ขณะที่หน่วยงานต่างๆ เร่งระดมความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน