วันนี้ (4 ธ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่การประปาส่วนภูมิภาค สาขากันตัง นำไม้มาปิด พร้อมเสริมกระสอบทราย และเดินเครื่องสูบน้ำ ป้องกันไม่ให้น้ำที่ทะลักจากพนังกั้นน้ำแตกใน ต.หนองตรุด และ ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง เข้าท่วมบริเวณโดยรอบสถานีผลิตน้ำประปาท่าจีน ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำตรัง แต่ระดับน้ำที่สูงเกือบ 2 เมตร ทำให้ไม่สามารถรักษาพื้นที่ไว้ได้ ต้องหยุดผลิตน้ำประปาชั่วคราว ส่งผลกระทบผู้ใช้น้ำใน อ.กันตัง เกือบ 10,000 ครัวเรือน และพื้นที่เขตเมืองบางส่วน
ส่วนระดับน้ำแม่น้ำตาปีที่จุดวัดน้ำ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ยังสูงกว่าระดับวิกฤติ และยังต้องรับน้ำป่าจากเทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช และน้ำป่าจากเขาพนมเบญจา จ.กระบี่ คาดว่าเวลา 13.00 น. วันนี้ ระดับน้ำจะสูงสุด โดยสูงกว่าระดับตลิ่ง 84 เซนติเมตร สำหรับมวลน้ำ จะไหลต่อเนื่องไปยังพื้นที่ อ.เวียงสระ, อ.บ้านนาสาร, อ.บ้านนาเดิม, อ.เคียนซา และบางจุดของ อ.พุนพิน
ขณะที่ จ.สงขลา น้ำเข้าท่วม อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.กระแสสินธุ์ และ อ.ระโนด ซึ่งเป็นพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนหญ้าสด หญ้าแห้ง สำหรับสัตว์เลี้ยง มีรายงานว่า ขณะนี้โรงเรียนที่อยู่บริเวณคาบสมุทรสทิงพระ ได้ประกาศหยุดเรียนแล้วกว่า 100 แห่ง
ส่วนที่ จ.นราธิวาส ระดับน้ำใน ต.จอเบาะ อ.ยี่งอ เริ่มลดแล้ว แต่ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้สูงอายุ มีอาการการเจ็บป่วยด้วยโรคผิวหนังและไข้หวัด ทหารและผู้นำท้องถิ่นต้องเข้าไปช่วยเหลือเป็นวันที่ 3 พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ยากจน และผู้ป่วยติดเตียงที่ประสบภัย
ส่วนครู นักเรียน โรงเรียนบ้านจาหนัน ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา ช่วยกันปัดกวาด, ล้างคราบโคลนภายห้องเรียน และจัดเตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอน ก่อนที่จะเปิดเรียน หลังโรงเรียนถูกน้ำท่วมนานเกือบ 1 สัปดาห์ โดยระดับสูงกว่า 2 เมตร
สำหรับภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยขณะนี้มีจังหวัดที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัย และยังต้องเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมอีก 9 จังหวัด ได้แก่ จ.ปัตตานี, สงขลา, ยะลา, พัทลุง, ตรัง, สตูล, นราธิวาส, นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี