สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะแถลงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 9 คน กรณีทุจริตเงินค่าสนับสนุนสำหรับจัดทำโครงการอบรมพระธรรมทูต เผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำปี 2558 ของวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 วัด มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
สำหรับคดีแรก เป็นกรณีกล่าวหานายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนา จ.สงขลา ว่าเรียกรับเงิน พศ. โอนค่าสนับสนุนจัดทำโครงการอบรมพระธรรมทูตเผยแผ่พุทธศาสนาประจำปี 2558 ให้แก่วัดใน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส 4 ล้านบาท ซึ่งนายเสถียรเสนอว่าจะให้วัด 800,000 บาท และให้โอนกลับมาให้ 3.2 ล้านบาท
คดีดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช ตั้งอนุกรรมการไต่สวนและพบว่ามีการทุจริตจริง และยังมีการกระทำในลักษณะเดียวกันในวัดอื่นๆ อีก 2 คดี ซึ่งวันนี้ (8 ม.ค.2561) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะแถลงมติชี้มูลความผิดอีกครั้ง
สำหรับการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัด ก่อนหน้านี้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เข้าค้นบ้านพักข้าราชการระดับสูงของ พศ.และเครือข่าย พบว่ามีวัดที่ร่วมทุจริต 12 แห่ง ตั้งแต่ปี 2555-2559 ความเสียหายประมาณ 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 10 คน โดยส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
ต่อมาเข้าตรวจค้นบ้านบุคคลต้องสงสัยล็อตที่ 2 เป็นการทุจริตงบประมาณอุดหนุน 3 ประเภท คือ 1.อุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด 2.อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท มีหลักฐานความผิดถึงตัวผู้ต้องหา 19 คน
ส่วนกรณีการปรับแก้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับจำนวนเงินการรับสิ่งของมีมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาท เบื้องต้น เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่าที่ประชุม ป.ป.ช.ยังไม่มีการหารือ ส่วนข้อเสนอของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต่อประเด็นนี้เป็นเพียงความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟังความเห็นของหลายๆ ฝ่ายให้เกิดความรอบคอบรอบด้านก่อน