ร้านกาแฟรุกป่าแม่ริม "ยอมรื้อ" สะพานแขวน-ศาลาริมน้ำตก

สิ่งแวดล้อม
10 ม.ค. 61
12:48
1,669
Logo Thai PBS
ร้านกาแฟรุกป่าแม่ริม "ยอมรื้อ" สะพานแขวน-ศาลาริมน้ำตก
เจ้าของร้านกาแฟ ทางขึ้นดอยม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่ ยอมรื้อศาลาริมน้ำตกที่สร้างขึ้นเพื่อให้บริการลูกค้าแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยังแจ้งดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า หลังพบว่าศาลาริมน้ำบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ริม ประมาณ 20 ตารางวา

หลังจากมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียล กรณีร้านกาแฟสุดชิลใน จ.เชียงใหม่ ทางขึ้นดอยม่อนแจ่ม ที่มีศาลา และสะพานริมน้ำตก จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าบุกรุกพื้นที่ป่าหรือไม่ วานนี้ (9 ม.ค.2561) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง รวมทั้ง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจร้านกาแฟดังกล่าว โดยนำแผนที่ และเครื่องมือ เข้ารังวัดภายในร้านว่ามีการุกล้ำเขตป่าหรือไม่

ผลการตรวจสอบแนวเขตด้านทิศตะวันตก บริเวณที่ติดกับลำห้วย ใกล้กับบริเวณน้ำตก พบว่ามีการปลูกสร้างอาคารรุกล้ำข้ามลำห้วย เข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม และจากการตรวจสอบภาคสนามในแปลงที่ดินแล้ว พบว่า อาคารสิ่งปลูกสร้างบริการนักท่องเที่ยว เนื้อที่ 20 ตารางวา รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507

 

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า บริษัท โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์ จำกัด กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ริม เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

 

 

น.ส.อรัญญา ทะรินทร์ เจ้าของร้านกาแฟ จ.เชียงใหม่ บอกว่า จุดที่เป็นปัญหา เปิดให้บริการกว่า 3 สัปดาห์ แต่หลังมีกระแสความไม่เห็นด้วย ในสื่อสังคมออนไลน์ ทางร้านจึงทำการรื้อถอนศาลา และ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งในขณะที่คนงานรื้อถอนศาลาริมน้ำตก ยังมีนักท่องเที่ยว เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก 

 

 

เจ้าของร้านกาแฟ บอกว่า จริงๆสะพานแขวนกับศาลา ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างถาวร เป็นแบบน็อกดาวน์วางลงบนโขดหิน ซึ่งหลังจากพนักงานตรวจสอบแล้ว ทางร้านยินดี รื้อถอนและปฏิบัติตามคำแนะนำทุกอย่าง

 

 

สำหรับร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ แหล่งท่องเที่ยวโป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์ มีเนื้อ ที่ประมาณ 11 ไร่ เดิมเป็นที่ดินที่มีใบ สค.1 ของชาวบ้านในพื้นที่ ต่อมามีการขอออกเป็น นส.3 จากนั้นทางผู้ประกอบการ ได้มีการซื้อที่ดินดังกล่าวจากชาวบ้าน และ ปัจจุบันได้ดำเนินการขอออกโฉนดให้ที่ดินแปลงนี้ และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง