เมื่อวานนี้ (10 ม.ค.2561) นายบัญชา ชัยจำ ทนายความของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมสู้คดีที่อัยการสูงสุดชี้ขาดให้สั่งฟ้อง ฐานร่วมปลอมแปลงเอกสารสิทธิการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมา ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งด้วยหนังสือ หรือโทรศัพท์จากตำรวจว่าจะนัดส่งตัวให้ไปพบอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาล แต่หากตำรวจแจ้งนัดเมื่อใดก็พร้อม ซึ่งตามหลักและการปฏิบัติ หากนัดฟ้อง ก็จะนัดผู้ต้องหาไปพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งมีผู้ต้องหาร่วมอีก 2 คน เบื้องต้น ได้หารือกับ พ.ต.ท.บรรยิน ถึงหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวต่อศาล ซึ่งอาจใช้เงินสด หรือสมุดบัญชีเงินฝาก หรือโฉนดที่ดิน โดยหากสะดวก ก็น่าจะเป็นสมุดบัญชีเงินฝากและเงินสด ซึ่งมูลค่าหลักทรัพย์นั้น ประมาณ 200,000 บาท
ส่วนคดีที่ครอบครัวของนายชูวงษ์ ยื่นฟ้องคดีฆ่าผู้อื่น ศาลจังหวัดพระโขนง นัดสอบคำให้การในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดย พ.ต.ท.บรรยิน จะเดินทางไปตามนัด และเตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันตัวเช่นกัน ซึ่งมูลค่าการประกันตัว น่าจะเท่ากันกับชั้นฝากขังที่เคยยื่นไป คือ 2,000,000 บาท โดยคาดว่าการประกันตัวทั้ง 2 คดี ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพราะในชั้นฝากขัง ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล ไม่ได้หลบหนี
ด้านนายเดชา ขุนทอง ทนายความของ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เออีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวเรื่องที่อัยการสั่งฟ้อง โดยยังไม่ได้รับแจ้งจากตำรวจ และยังไม่ได้พูดคุยกับลูกความในเรื่องนี้ ซึ่งการเตรียมตัวคงต้องเตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันตัวชั้นฟ้องคดี ซึ่งมูลค่าน่าจะไม่สูงเท่าชั้นฝากขัง ซึ่งขณะนั้นมีข้อกล่าวหาอื่นด้วย คือลักทรัพย์และรับของโจร
สำหรับคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ อัยการสูงสุด ชี้ขาดสั่งให้ฟ้อง น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อายุ 28 ปี อดีตพริตตี้คนสนิทนายชูวงษ์ เป็น ผู้ต้องหาที่ 1, น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่การตลาด บล.เออีซี คนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้ต้องหาที่ 3 และ พ.ต.ท.บรรยิน อายุ 55 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ส่วน น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 53 ปีมารดาของ น.ส.อุรชา ผู้ต้องหาที่ 2 อัยการสั่งไม่ฟ้อง