เปิดใจ “กาญจนา นิตยะ” ปม "เด็กนาย-ใครพาเข้าทุ่งใหญ่"

สิ่งแวดล้อม
9 ก.พ. 61
17:30
13,151
Logo Thai PBS
เปิดใจ “กาญจนา นิตยะ” ปม "เด็กนาย-ใครพาเข้าทุ่งใหญ่"
จากกรณีที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย เข้าไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และถูกดำเนินคดีล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ไทยพีบีเอส" ตอบคำถามว่าใครกันแน่ที่ไฟเขียวให้นายเปรมชัยและพวกเข้าพื้นที่และลอบฆ่าสัตว์

ช่วยเล่าไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นว่าใครโทรมา อะไรอย่างไร

น.ส.กาญจนา "วันพุธที่ 31 ม.ค.เวลาประมาณ 15.00 น. คุณนพดล พฤกษะวัน ได้โทรเข้ามาว่าจะมีการขอเข้ามา โดยคุณเปรมชัย กรรณสูต ทำงานอยู่ที่ บมจ.ตาเลียนไทย จะเดินทางเข้ามา ซึ่งบอกว่าจะขอเข้ามาศึกษาธรรมชาติ พักค้างกางเต็นท์ 2 คืน แล้วก็เข้าไป 4 คน โดยขอเข้าทางทุ่งใหญ่ฝั่งตะวันตก ทางเส้นศรีสวัสดิ์ และก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาก็โทรมาอย่างนี้ ซึ่งเราก็บอกว่าจะแจ้งไปทางนั้นให้ และเขาก็สามารถติดต่อทางพื้นที่ได้ ก็แค่นั้น ก็วันนั้นก็จบไปว่าจะแจ้งทางนั้นทราบ

ต่อมาในวันรุ่งขึ้นเราก็ติดต่อเขาไปว่าเราติดต่อไม่ได้ จริงๆ คุณนพดล ก็บอกว่าเขาได้เบอร์หัวหน้ามาแล้วเขาก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน หัวหน้าก็คือคุณวิเชียร เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็เหมือนทั่วไปปกติ ก็เลยส่งให้เจ้าหน้าที่ที่ดูเรื่องที่พักเขาติดตามเรื่องตามปกติ ให้เขาช่วยแจ้งไป ประสานไป แล้วเขาเองก็ติดต่อไม่ได้จนวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. น้องเจ้าหน้าที่ก็ประสานว่าแจ้งได้แล้ว ให้โทรไปที่สำนักงานเขต เวลาประมาณ 13.00 น.เราก็ได้โทรไปหาคุณนพดลว่าเราประสานได้แล้ว ให้คุณนพดลประสานไปยังสำนักงานเขตได้เลย"

เจ้าหน้าที่ที่ประสานนี่ไม่ใช่คุณวิเชียรแล้ว

น.ส.กาญจนา "อ้อ ไม่ใช่คุณวิเชียรแล้ว ซึ่งเขาเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการทำห้องพัก การขอเข้าพื้นที่ ถ่ายทำภาพยนตร์ อะไรพวกนี้เราก็ติดต่อไปที่คุณนพดลบอกว่า ติดต่อไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ได้เลยตามเบอร์นี้ และที่ทราบจากเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้ดำเนินการตามระเบียบทุกขั้นตอนไป ซึ่งเขาก็ต้องทำตามระเบียบในการขอใช้สถานที่ ในการขอเข้าไปในเขต"

ซึ่งวันที่ 2 ก.พ.ได้ทำหนังสือเข้ามาใช่หรือไม่

น.ส.กาญจนา "ใช่ วันที่ 2 ก.พ.เขาทำหนังสือเข้ามา คือเขาทำหนังสือไปยังพื้นที่ไม่ได้ทำมาที่นี่เพราะว่าเป็นการประสานกันกับคุณนพดลหรือเปรมชัยซึ่งไม่รู้ว่าใคร ซึ่งเป็นคนขอเข้าไปทำกับสำนักงานเขต เขาจะทำหนังสืออย่างไรก็ต้องส่งไปสำนักบ้านโป่ง"

ผอ.ได้เห็นหนังสือหรือไม่

น.ส.กาญจนา "ไม่เห็น"

ส่วนตัว ผอ.ไม่เห็นหนังสือ

น.ส.กาญจนา "ไม่เห็นหนังสือว่าเขาเขียนอะไร อย่างไร อันนั้นไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรา เราเพียงแต่แจ้งว่าจะมีคนเข้าไป แจ้งไว้เท่านี้ในเบื้องต้น และในเรื่องของการติดต่อเขาก็จะต้องติดต่อประสานงานกัน"

พอวันที่ 2 ก.พ.ทำหนังสือขอเข้าพื้นที่ คณะของคุณเปรมชัยได้เข้าพื้นที่วันที่ 3 ก.พ.

น.ส.กาญจนา "ค่ะ เท่าที่ทราบ หลังจากเกิดเรื่องแล้วซึ่งได้คุยกับคุณวิเชียรนี่แหละว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรน้องก็ได้บอกลำดับเหตุการณ์ว่าชุดนี้เข้ามาเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.พ. เข้าพื้นที่เวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากนั้นเราก็ไม่รู้เรื่อง ก็จบขั้นตอนของเรา"

ข้อมูลที่ได้รับคือเข้าพื้นที่วันที่ 3 เวลา 15.00 น. แล้ววันที่ 4 ก.พ. ข้อมูลที่รายงานคืออะไร

น.ส.กาญจนา "ที่น้องเล่าให้ฟังคือเข้าไปในพื้นที่แล้ว เข้าไปในพื้นที่ที่เราอนุญาตที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เท่าที่ทราบคือเขาไม่มา จะเข้าไปตรงนั้นวันที่ 4 ก.พ.เจ้าหน้าที่เลยเข้าไปในพื้นที่สงสัยว่าจะไป ตามแล้วก็ไปเจอคณะนี้เขาพักกางเต็นท์อยู่ข้างทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไปพูดคุยว่าให้กลับเข้าไปยังจุดที่กำหนดให้ไม่ให้พักข้างทางแบบนี้

การสนทนาตรงนั้นเราไม่รู้ ซึ่งเขาก็บอกว่าคุยกันอยู่ ก็ไม่ได้อะไรมาก แต่พอได้ยินเสียงปืน ก็เลยพบหลักฐานที่เจอกัน เสร็จแล้วก็น่าจะตรวจพื้นที่เก็บหลักฐานทำอะไรกัน แต่พื้นที่ไกลกันมาก ก็เลยเชิญออกไปสำนักงานเขต พอไปสำนักงานเขตนอกบอกว่าเวลานั้นน่าจะประมาณ 03.00 - 04.00 น.

พอรุ่งเช้าก็มีข้อสังเกตและพฤติกรรม เช้าวันที่ 5 ก.พ.จึงเข้าไปตรวจพื้นที่อีกครั้ง พอไปตรวจก็เลยเจอหลักฐาน หนังเสือ เป้ใส่ปืน อะไรพวกนี้ ก็เลยต้องออกมาทำบันทึกจับกุมข้างนอก เรื่องมันเยอะมาก หลักฐานเยอะมากก็ต้องใช้เวลา ในการเขียนบันทึกจับกุมให้ละเอียดรอบคอบ แล้ววันที่ 6 ก.พ.ก็ทราบเรื่องว่าเกิดขึ้นเลยโทรหา และเป็นครั้งแรกที่ได้คุยกับคุณวิเชียร"

ทราบจากข่าวทั่วไปหรือสื่อมวลชน หรือเจ้าหน้าที่แจ้ง

น.ส.กาญจนา "พอดีมีนักข่าวโทรมาบอกนี่แหละว่าทราบไหม เราก็บอกว่าเดี๋ยวขอเช็กข่าวก่อน และเป็นครั้งแรกที่ได้โทรหาคุณวิเชียร แล้วก็เลยได้คุยกับน้องและรู้รายละเอียด ซึ่งในวันที่แถลงข่าวอาจจะไม่ละเอียดมากซึ่งก็ต้องแถลงข่าว ก็ต้องมาคุยเพราะมีกระแสข่าวว่าเรารู้จักกับนายเปรมชัยซึ่งโดยข้อเท็จจริงเราไม่รู้จักและเราไม่สนใจด้วยว่าใครเป็นใคร"

อยากให้ช่วยขยายประเด็นว่าบุคคลที่โทรมาที่ชื่อนพดลนั้นเป็นใคร เคยรู้จักหรือไม่ แล้วการแสดงตัว คำที่เขาใช้ตอนโทรมาพูดว่าอะไรบ้าง

น.ส.กาญจนา "คุณนพดลเป็นคนที่ทำงานในกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ นี่แหละ ตอนนี้เกษียณไปแล้ว ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับพี่เขาเพราะไมได้ทำงานด้วยกัน"

เคยเห็นหน้า รู้จักว่าชื่อนพดล

น.ส.กาญจนา "ค่ะ คุณนพดลเคยทำงานเป็นผู้อำนวยการสำนักอุทยาน หรือส่วนอุทยาน ทำงานพื้นที่อนุรักษ์ สบอ.เป็นผู้ตรวจอะไรพวกนี้ ก็รู้จักแค่นั้น ก็เป็นคนที่อยู่ในกรมนี่แหละ"

คือรู้จักผิวเผิน

น.ส.กาญจนา "ค่ะก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยทำงานร่วมกัน แต่เขาก็เคยทำงานที่นี่"

คำแรกที่โทรมาเขาพูดว่าอะไร

น.ส.กาญจนา "พี่นพดลนะ พอดีจะมีคณะที่เขาจะเข้าไปศึกษาธรรมชาติ คือคุณเปรมชัย กรรณสูต เขาก็บอกว่าทำงานที่นี่ ที่อิตาเลียนไทย"

คือเอ่ยชื่อบริษัทมาด้วย

น.ส.กาญจนา "เขาก็บอกว่าอิตาเลียนไทย เขาบอกว่าคนนี้ไม่มีอะไร นิยมไพร ชอบศึกษาธรรมชาติ และก็อยากไปพักค้างกางเต็นท์สัก 2 คืน"

คำแนะนำตอนนั้นคือนักนิยมไพร ว่าจะไปศึกษาธรรมชาติ

น.ส.กาญจนา "เขาชอบไปนอนป่า ไปพักผ่อน ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก และคนที่เข้าป่าก็มีคนประเภทนี้ เป็นแบบนี้ คือคนที่เข้าป่าเขาก็ชอบธรรมชาติ เป็นเราเข้าไปก็ศึกษาธรรมชาติก็ประมาณนี้ ตอนที่เราบอกให้เขาประสานกับพื้นที่ คือที่เขตหรือที่บ้านโป่ง ก็คือไปขออนุญาตที่นั่นได้ คืออธิบดีก็มอบอำนาจตามประกาศกรมว่าไปขอพักค้างที่นั่นได้ ก็ขอนุญาตที่นั่นได้"

คุณนพดลขอเข้าพื้นที่วันที่ 31 ม.ค.ใช่หรือไม่ แล้วได้บอกหรือไม่ว่าจะเข้าวันไหน

น.ส.กาญจนา "บอกจะขอเข้าวันเสาร์"

โทรมาวันพุธที่ 31 ม.ค. ขอเข้าวันเสาร์ที่ 3 ก.พ.

น.ส.กาญจนา "ใช่"

ผอ.ก็เลยประสานให้ไปที่พื้นที่ได้เลย

น.ส.กาญจนา "ให้ไปติดต่อที่พื้นที่ได้เลยไปทำตามขั้นตอนเพราะจริงๆ ตอนนี้ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์กับอุทยานไมได้ขึ้นกับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าแล้ว ในการบริหารงานเนี่ยเขาขึ้นกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์แล้ว ในส่วนของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าจะทำเรื่องแผนเรื่องของการอนุรักษ์"

มีคำพูดว่า ผอ.ได้ประสานไปยัง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่ฯ ว่าขอให้กลุ่มคุณเปรมชัยเข้าไปพื้นที่โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ประเด็นนี้คืออะไร

น.ส.กาญจนา "ประเด็นคือเป็นเรื่องไม่จริง เพราะว่าเราไม่ได้คุยกับคุณวิเชียรเลยจนกระทั่งถึงวันเกิดเหตุ"

ได้คุยกับวิเชียรวันที่ 6 ก.พ.ด้วยซ้ำ หลังเกิดเหตุ

น.ส.กาญจนา "แต่ว่าการไปขอใช้อภิสิทธิ์ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ทำค่ะ"

ตอนนั้นเราแค่ประสานอย่างไร แค่ทำตามขั้นตอน ตอนที่เล่าว่าให้น้องเจ้าหน้าที่ช่วย

น.ส.กาญจนา "จริงๆ เราก็ลืมไปแล้วว่าเขาขอเข้า ก็ประสานน้องก็ลองแจ้งน้องเขาไปหน่อยว่าจะมีคณะนี้เข้าให้เขาดูว่าจะเข้าอย่างไร ขั้นตอนอย่างไร แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ติดต่อไปเพราะทุกคณะที่เข้ามาตามขั้นตอน ก็ต้องทำตาระเบียบของกรมอยู่แล้ว"

ผอ.จำคำพูดตัวเองได้ไหม ว่าเราได้ให้เจ้าหน้าที่หรือลูกน้องอำนวยความสะดวกเป็นพิเศษบ้างหรือไม่

น.ส.กาญจนา "ไม่มี เพราะตัวเองไม่เคยใช้อำนาจพิเศษ หรืออะไรพิเศษอยู่แล้ว"

อันนี้ยืนยัน

น.ส.กาญจนา "ยืนยัน"

ที่คณะของคุณเปรมชัยอ้างว่าทำหนังสือขอเข้าพื้นที่เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เพื่อเข้าพื้นที่วันที่ 3 ก.พ.ซึ่งกระชั้นชิดมาก

น.ส.กาญจนา "ในเรื่องของการขอเข้าพื้นที่เพื่อกางเต็นท์ ตามที่เรียนไปจะต้องขอที่พื้นที่บ้านโป่งไม่ได้ขอทางนี้ ก็ต้องไปทางนั้น เท่าที่ทราบเขาก็ไปยื่นเรื่องไปที่เขต แล้วส่งไปที่บ้านโป่ง บ้านโป่งก็จะดำเนินการต่อไป"

ซึ่ง ผอ.ไม่เคยเห็นหนังสือตัวนี้

น.ส.กาญจนา "ไม่เคยเห็น ก็ไม่ทราบว่าเขาเขียนอย่างไร ขาดเอกสารอะไรบ้าง"

วันที่ 2 ก.พ.เพิ่งทำหนังสือขอเข้าพื้นที่เพื่อเข้าวันที่ 3 ก.พ.อาจเร็วโดยขั้นตอน

น.ส.กาญจนา "ปกติก็ภายใน 5 วัน ถ้าทำเร็วก็ได้เร็ว คนที่ขอเข้าไปมาขอเข้าหน้างาน 2-3 วันก็อนุญาต ก็วิทยุขอเข้าไปในพื้นที่ ส่วนใหญ่การเข้าไปศึกษาธรรมชาติก็อนุญาตอยู่แล้ว แต่การอนุญาตอาจไม่ทัน กรณีอนุญาตถูกต้องนะ กรณีไม่ทันก็อาจมีทำเรื่องตามมาทีหลัง แต่เรื่องจะเข้าไปทำอะไรใครจะไปรู้ เพราะมายื่นว่าขอไปศึกษาธรรมชาติ แล้วไปทำเรื่องแบบนี้ อย่างไรก็ต้องถูกดำเนินคดี ไม่ว่าใครก็ตาม"

ผอ.ก็ไม่ทราบ ว่าจะไปลอบล่าสัตว์ป่า สัตว์สงวน

น.ส.กาญจนา "ล่าเสือดาว ใครจะไปรู้ว่าจะไปทำ ใครจะไปรู้เราก็ไม่รู้จักเขา เคยเจอว่ายื่นเข้าไปขอศึกษาธรรมชาติแล้วทำแบบนี้มีที่ไหน มันไม่เคยมี จะไปยื่นขอล่าสัตว์แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีใครเขาทำ ประเทศไทยไม่อนุญาตให้ล่าสัตว์อยู่แล้ว"

กรณีการพาดพิงว่าเป็นแขกของนาย ทาง ผอ.ก็ต้องไปเข้าให้ปากคำกับตำรวจด้วยเหมือนกัน

น.ส.กาญจนา "ใช่ค่ะ"

ทางตำรวจเชิญมาว่าอย่างไรบ้าง

น.ส.กาญจนา "ก็เชิญมาให้ปากคำกี่โมง เขาก็พูดแค่นี้"

หลังจากนี้ ผอ.เห็นแล้วว่าสิ่งที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นมีการล่าสัตว์ ในอนาคตจะมีนโยบาย การเข้ามาไม่ถูกต้องตามขั้นตอน หรือทำหนังสือตามไปทีหลัง จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร

น.ส.กาญจนา "ถ้ามันเกิดกับเรา มาที่เรา อย่าว่ากันนะ ถ้าทำตามระเบียบเป๊ะ มันไม่มีความยืดหยุ่น เราก็ต้องเข้มข้น แต่ถามเราว่าใครเป็นใครเราไม่รู้หรอก เราไม่มีแบล็กลิสต์ ถ้าใครมีแบล็กลิสต์ว่าใครเป็นยังไง ส่งมาเลย แต่เขาคงไม่มาขอเอง"

มีคำถามว่าคนที่ดูแลผืนป่าไม่รู้เลยหรือว่าใครมีพฤติกรรมอย่างไร ใครเป็นใคร กลุ่มไหนเป็นนักล่า

น.ส.กาญจนา "พวกเราที่ทำงานในพื้นที่ก็เป็นคนในพื้นที่ เราก็รู้จักแต่นักล่าระดับพื้นที่ ระดับไฮโซเราไม่รู้จักหรอก เพราะเราไม่ได้ทำงานขลุกอยู่กับไฮโซ เราก็ทำงานพื้นที่ ทำงานพื้นที่มาตลอดชีวิต ใครจะไปรู้จักคนใหญ่คนโต ไม่รู้"

รู้จักคุณเปรมชัย กรรณสูต เมื่อไหร่ อย่างไร บทบาท รู้ข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่

น.ส.กาญจนา "ถ้าเป็นนามสกุล กรรณสูต ก็เป็นที่รู้จัก แต่ถามว่านายเปรมชัยคือใคร ถ้าไปเจอกลางถนนก็อาจเดินชนกันหกล้มก็ได้ ไม่รู้จักกัน ยืนยันว่าไม่รู้จัก"

รู้จักใครในกลุ่มหรือไม่

น.ส.กาญจนา "ก็มีคุณนพดลที่เราติดต่อนอกจากนั้นก็ไม่มีใครรู้จัก"

ตอนนี้ดูเหมือนสังคมไม่เชื่อ ผอ.มากพอสมควร โดยเฉพาะการประสานการดูแลแขกนาย ส่วนนี้คิดเห็นอย่างไร มีคนมาประสานจากแขกผู้ใหญ่เพื่อกดดัน ผอ.หรือไม่

น.ส.กาญจนา "ไม่มีหรอก แขกผู้ใหญ่ที่โทรมาก็ให้ประสานก็แจ้งมาให้ดำเนินการตามขั้นตอน ก็มีเจ้านี้ที่มาก็นั่นเลย ปกติเราไม่มีแขกอยู่แล้ว ไม่มีใครมาขอเราหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามาขอแล้วไม่ค่อยได้"

จะวางมาตรการการตรวจค้นอาวุธปืนอย่างไรต่อไป

น.ส.กาญจนา "การเข้าไปท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวถ้าเข้าไปศึกษาธรรมชาติเขาไม่พกปืนเข้าไปอยู่แล้ว จะให้เข้มข้นตรวจ ต้องประชุมหารือกันว่าจะอย่างไร ตอนนี้ยังคงตอบตอนนี้ไม่ได้"

มีประเด็นอะไรที่อยากบอกสังคมหรือไม่

น.ส.กาญจนา "เจ้าหน้าที่ก็ทำงานด้วยความทุ่มเททุกคน พวกเราเนี่ยถ้ามีการขอเข้าไปศึกษาธรรมชาติ คือการช่วยโปรโมทในการช่วยหวงแหนอนุรักษ์ธรรมชาติทรัพยากร ถ้ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นใครก็ตามเราไม่รู้จักหรอก ยอมไม่ได้ที่จะให้เข้าไปฆ่าสัตว์ ล่าสัตว์ เพราะพวกเราต้องเป็นมืออาชีพ เป็นนักอนุรักษ์อาชีพ ไม่ใช่แค่มีเป็นอาชีพ แต่ว่าเราทำด้วยจิตวิญญาณเราอยู่แล้ว มันไม่มีทางจะปล่อยพวกนี้ไปได้ บางคนที่เขาตั้งใจทำงานอยู่แล้วพอมีเรื่องนี้เข้ามา กล่าวหา ปรักปรำอย่างไม่เข้าใจ ต่อว่า ก็ทำให้เสียกำลังใจได้ ก็เสียกำลังใจเหมือนกัน"

ณ ตอนนี้เรามองปรากฏการณ์นี้อย่างไรบ้าง

น.ส.กาญจนา "คือทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็เป็นการสูญเสีย แต่ถ้าเราจะเอาเหตุการณ์นี้เป็นโอกาสในการที่เราจะช่วยกันรักษาพื้นที่ ช่วยกันรักษาสัตว์ป่าที่คงสภาพ เวลาที่มีเรื่องที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ก็อยากให้ช่วยเป็นพลังในการรักษาพื้นที่ สัตว์ป่าช่วยกันดูแล

สิ่งที่เราทำเนี่ยไม่ใช่แค่การรักษาสัตว์ป่าหรือการอนุรักษ์ บางทีเราก็ถูกต่อว่าในเรื่องการพัฒนาว่า กรมอุทยานฯหรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยเฉพาะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มันเป็นพวกไม่เกี่ยวกับการพัฒนาบ้านเมือง คือจะว่าอย่างไร ชอบขัดขวางเนี่ย ไม่อนุญาต ก็จะมีการสร้างเขื่อน ขอทำถนน ใช้ทำนู่น ทำนี่เข้ามาเยอะแยะ

บางทีต้องเข้าใจด้วยว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเองนะ เราก็ทำว่าให้พื้นที่ที่มีอยู่แล้วให้คงสภาพ ไม่ให้มันหมดไปเพราะบ้านเราก็ไม่เหลือมาก ก็เหลือแค่นี้ คือผืนป่าเนี่ย ถ้ากระจายไปมันไม่สามารถตอบสนองความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าหรือตัวเราได้ คือปัญหาที่พบสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่มากมาย เพราะพื้นที่ของเขาถูกเจาะ ถูกทำลาย

บางครั้งการท่องเที่ยวเข้าไปเราไม่ได้เปิดทั้งหมดเพราะอะไร เพราะมันก็เป็นภัยตัวหนึ่งในการคุกคามสัตว์ป่า ก็เหมือนเป็นการผลักดัน เราเข้าไปเยอะก็เป็นการผลักดัน สัตว์ป่าออกมาข้างนอก ก็เป็นภาระของเราทุกคน อันนี้เจ้าหน้าที่ก็ช่วยกันเต็มที่แล้วบางครั้งก็อาจไม่ถูกใจทุกคน

คือมันก็เหมือนเราเป็นจำเลยเพราะไม่ถูกใจทุกคน เป็นพื้นที่อนุรักษ์ไม่ได้เอาใจใคร การปฏิสัมพันธ์การพูดอาจไม่เก่ง คนที่ทำงานที่ไม่ได้กระทำผิดก็อย่าไปปรักปรำเขาเลย เพราะว่าทุกวันนี้ก็เสียใจที่มันเกิด แต่ว่ายิ่งโดนกระทำโดยที่ไม่มีความผิดก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น"

มีประเด็นเมื่อวานว่า ตำรวจคล้ายจะแจ้งข้อหาคุณวิเชียร คนมองว่าเหมือนตอนนี้คุณวิเชียรอาจจะคล้ายๆ เป็นแพะแทน ผอ.ที่ประสานไป เหมือนกับตำรวจจะฟ้องคุณวิเชียรว่าให้เข้าพื้นที่โดยที่ไม่ได้ทำตามขั้นตอน

น.ส.กาญจนา "ถ้าพูดแบบนี้ ไม่คิดว่าตัวคุณวิเชียรหรือ ผอ.สำนัก (ตัวดิฉันเอง) เป็นแพะและพวกเรากำลังจะเปลี่ยนประเด็นแล้ว ประเด็นคือเราต้องมุ่งไปที่ผู้กระทำผิดว่าหลักฐานพร้อมหรือไม่ ขาดอะไรตรงไหนต้องช่วยกันหาภาพหาอะไรตรงนั้น ไม่ใช่มาเอาเจ้าหน้าที่ คืออะไร เขาทำงานเต็มที่แล้ว ถ้าไปเอาแบบนั้นต่อไปคุณไม่มีคนทำงานแล้ว ใครจะดูแลรักษาผืนป่า"

แต่นี้ตำรวจจะแจ้งข้อหาคุณวิเชียรหรือไม่

น.ส.กาญจนา "ถามว่าตอนนี้คุณมีหลักฐานเรื่องอื่นไหม ถามว่าตอนนี้ข่าวไมได้นำเสนอเรื่องหลักฐานของนายเปรมชัยแล้วนะ ตอนนี้มาเล่นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ซึ่งเขาทำงาน ซึ่งคิดว่ามันเปลี่ยนประเด็นหรือเปล่า อันนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัวอันหนึ่ง

ตำรวจก็ไม่ควรจะแจ้งข้อหาด้วยใช่หรือไม่

น.ส.กาญจนา "คือถ้านักข่าวจะเล่นก็เป็นเรื่องของเขาไป ถ้าตรงนี้ควรจะไปมุ่งที่ผู้กระทำผิด แต่ไม่ใช่การมาทำให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ อันนี้เสียกำลังใจนะ อยู่ๆ ก็มาแจ้ง มันไม่ได้ให้กำลังใจกันเลย"

มีอะไรที่จะไปบอกตำรวจเพิ่มเติมไหมในการเข้าไปให้การ

น.ส.กาญจนา "ก็มีแค่นี้ ข้อเท็จจริงก็มีแค่นี้ ข้อเท็จจริงมีแค่นี้ว่านายคนนี้โทรมาว่าจะขอเข้า แล้วเราก็บอกว่าเดี๋ยวเราแจ้งไป ติดต่อไปทางนั้น ให้ดำเนินการตามขั้นตอนไป ก็กระบวนการมันก็ไปเท่านี้ก็จบ ถามว่าเป็นนายนายสั่ง อะไรพวกนี้ ทุกวันวันนี้จะไปสั่งใครยังซักผ้าถูบ้านเองจะไปสั่งใคร"

คำว่า "ลูกน้องนาย" "วีไอพี" คนอาจมองว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อาจถูกกดดัน อาจไม่ใช่ จาก ผอ.แต่อาจเป็นคนที่อยู่ในระดับสูง ผอ.คิดว่ามาถึงวันนี้แล้วจะมีมาตรการอะไรให้ลูกน้องรู้สึกผ่อนคลายบ้างหรือไม่

น.ส.กาญจนา "ไม่รู้นะสำหรับตัวเราเองไม่เคยเรียกใครว่านาย เพราะทุกคนเราก็เรียกตามตำแหน่ง ณ ปัจจุบันที่เขามี เราก็ผ่อนคลายยังไง เราก็เป็นกันเอง กับลูกน้อง ตอนทำงานไม่ว่ายุคสมัยไหน ก็เป็นกันเองกับเขาให้เขาสบายใจ เพราะว่าเราไม่มีอะไร ถ้ามีปัญหาบอก คุยกันทำอะไรได้ อะไรไม่ได้ ไม่มีหรอก ลูกน้องนาย อะไรพวกนี้"

ได้คุยกับคุณวิเชียรครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

น.ส.กาญจนา "ถ้าคุยยาวที่สุดก็คุยทางโทรศัพท์ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันที่ 6 ก.พ.ช่วงสายๆ"

เมื่อวานที่มาได้คุยกันหรือไม่ (8 ก.พ.)

น.ส.กาญจนา "นั่งติดกันแต่ไม่ได้คุยกันเพราะประชุม ก็ไม่ได้คุยกันเพราะประชุม เดี๋ยวไปนั่งคุยกันเขาจะว่า"

มีอะไรที่จะบอกอีกไหม

น.ส.กาญจนา "ไม่ได้เตรียมว่าจะพูดอะไร ที่ผ่านมาชีวิตการทำงานรับราชการมา ในพื้นที่ก็คิดว่าตัวเองก็ต่อสู้มาเยอะ ทั้งการรักษาพื้นที่ป่าให้คงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรื้อถอน ล่อซื้ออะไรก็ทำมา อพยพเราก็ทำมา คิดว่าตัวเองไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่ากาลเวลา จะเปลี่ยน ตัวเองก็ยังต่อสู้ ตัวเองก็ยังเป็นคนเดิมอยู่"

ทำมากี่ปีแล้ว

น.ส.กาญจนา "ก็ทำมานานแล้วจนจะเกษียณก็ 30 กว่าปีแล้ว ทำงานด้านนี้มา 20 กว่าปี"

บทบาทที่ทำมาโดยตลอดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การรักษาสัตว์ป่า ก็ผลักดันกันมาตลอด แต่ช่วงนี้พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันอยู่ที่ระเบียบหรือคน

น.ส.กาญจนา "เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำด้วยความรัก ถ้าไม่รักเขาไม่อยู่ทรมานแบบนี้ เพราะแรงกดดัน การขอใช้พื้นที่ ใครต่อใครมันเยอะแยะ"

กระแสการอนุรักษ์มันเป็นเทรนด์ แต่ก็ยังมีกรณีคุณเปรมชัยมันอยู่กับคนหรือระเบียบ

น.ส.กาญจนา "ประเทศไทยนี่มียุคที่มันอุดมสมบูรณ์ แล้วก็เป็นยุคของการทำลาย คนขอเข้าพื้นที่ไปทำนู่นทำนี่ ทำลาย ทำอะไรเพื่อการเกษตร ล่าสัตว์ ทำปศุสัตว์ พวกนี้เป็นเรื่องของการทำลายพื้นที่แล้ว ต่อมาเป็นยุคของการป้องกัน ก็ทำกันไป ก็มีการไม่ถูกใจใคร ตอนนี้ก็เป็นกระแสว่าเราจะเดินไปยุคไหน ยุคการอนุรักษ์พื้นที่ รักษาสิ่งแวดล้อมรึเปล่า อันนี้ก็จะไปยุคนั้น แต่คนก็ยังมีจิตใต้สำนึกคนเราไม่รู้หรอก ก็มันจะมีนะคนพวกนี้ไม่รู้ว่ามาจากสิ่งแวดล้อม คิดว่าที่มันเกิดขึ้นน่าจะมาจากลึกๆ ในใจ มันก็คนมันนิสัยอย่างนี้"

โกรธหรือไม่กับการที่คุณนดพลโทรมาแล้วส่งผลทำให้เกิดปัญหาลุกลามไปถึงการฆ่าสัตว์สงวน

น.ส.กาญจนา "มันไม่ควรใช้คำว่าโกรธ เพียงแต่เมื่อมันเกิดขึ้นก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้ แล้วมาคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสังคม ซึ่งไม่ฟังใคร ก็มาทำร้ายคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง การทำร้ายทั้งสภาพจิตใจและสังคมของเขาด้วย"

คนมองว่าคนอยู่แวดวงนี้มานาน ทำไมไม่รู้

น.ส.กาญจนา "ใครจะมาบอก เราไม่ได้อยู่วงการไฮโซพวกนี้ที่ใครจะมาบอกเรา เรื่องพวกนี้อยู่ระหว่างคนใกล้ชิด ใครจะบอกเรา แล้วการที่เรารู้อะไรมากก็ทำให้เราเลือกปฏิบัติ คือตัวเองปฏิบัติตามระเบียบได้เพราะเราไม่รู้จักใคร หนังเราก็ไม่ดู ทีวีเราก็ไม่ดู มันเหมือนเราไม่ได้รับรู้อะไร ระเบียบปฏิบัติเป็นอย่างไร รู้มากก็คิดมาก แล้วตัวเองคิดแบบนี้นะ นิสัยเราก็ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นใคร"

ถามตรงๆ เกรงใจคุณนพดลหรือไม่ 

น.ส.กาญจนา "มันไม่ใช่เรื่องความเกรงใจ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาขอเข้ามาตามวิสัย เราแจ้งได้ก็แจ้ง ไม่ว่าใคร คือถ้าเขาเร่งมาอย่างนี้คือถ้ามันทำได้ก็ทำได้ แจ้งให้ก็ไปคุยในพื้นที่"

คือแจ้งว่า เขาประสานเข้ามาศึกษาธรรมชาติ นักนิยมไพร

น.ส.กาญจนา "เขาแจ้งมาแบบนี้ก็เราไม่รู้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร ใครจะไปรู้ ก็ขอมาก็แจ้งให้ก็ไปดำเนินการตามขั้นตอนไป"

ผอ.รู้สึกอย่างไรที่ประสานไปแล้วเกิดความสูญเสียมากขนาดนี้

น.ส.กาญจนา "ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดเราก็ไม่ทำหรอก ถ้ารู้ว่าจะเกิดอาจจะไปซุ่มจับมันด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้เราก็เคยมีตอนที่ไปอยู่ภูเขียว เส้นทางที่ติดน้ำหนาว คือ อบต.จะเข้าพื้นที่ เราก็บอกพาเราไปนะเราจะไปซุ่มเพราะงานนี้เราจับเอง เพราะถ้าเรารู้อย่างนี้เราก็จะไปซุ่มก็ได้ แต่ไม่รู้"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง