โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ "สัปปายะสภาสถาน" บริเวณที่ดินราชพัสดุ ถนนทหาร สี่แยกเกี่ยกกาย เขตดุสิต มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 50 แล้ว และมีแผนเร่งรัดจัดสร้างส่วนที่เกี่ยวกับห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร และห้องทำงานที่จำเป็นให้เสร็จก่อน จนพอจะให้สมาชิกรัฐสภาสามารถประชุมได้ และจะได้คืนพื้นที่รัฐสภาเดิม ถนนอู่ทองใน เขตดุสิต ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน ให้กับสำนักพระราชวัง ภายในต้นปี 2562 และคาดการณ์ว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในช่วงปลายปี ไปจนถึงต้นปี 2563
ขณะนี้มีรายงานว่า มีเหตุขัดข้องกรณียังไม่มีการจัดสรรงบประมาณวางระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการก่อสร้างอาคาร จึงต้องเร่งขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณให้รัฐสภาวางระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ 8,000 ล้านบาทแล้ว และน่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีได้ ในวันที่ 13 มี.ค.นี้
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชี้ถึงความผิดปกติ ว่าเดิมทีงบประมาณวางระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศกำหนดไว้ 3,000 ล้านบาท แต่กลับเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่า 5,000 ล้านบาท รวมถึงมีรายงานว่าจะให้ใช้วิธีการคัดเลือกเพียง 3 บริษัท เพื่อวางระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ข้าราชการกลุ่มงานพัสดุและกลุ่มงานคอมพิวเตอร์รัฐสภา รวม 18 คน ลงชื่อคัดค้านและขอให้เปิดประมูลโดยเสรี แต่กลับกลายเป็นว่าข้าราชการกลุ่มนี้ กำลังจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ด้วยเหตุที่ว่าการยื่นเรื่องของเจ้าหน้าที่ทั้ง 18 คน เป็นการกลั่นแกล้งผู้อื่นหรือไม่
กลุ่มผู้มีอำนาจในสภานิติบัญญัติผู้ที่รับผิดชอบดูแลโครงการ โดยนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า ข้อมูลของอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะรัฐสภายังไม่มีงบประมาณ จึงยังไม่มีการกำหนดว่าจะใช้วิธีการใด และอาจไม่ทันเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้
ขณะที่ในโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการส่งมอบที่ดินล่าช้าเกิน เนื่องจากปัญหาการบริหารจัดการดินนำพื้นที่รัฐสภาแห่งใหม่ จนนำไปสู่การยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการขนย้ายดินรัฐสภาแห่งใหม่มีการทุจริตหรือไม่
ทั้งนี้ ในวันนี้ เวลา 10.00 น. อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ชะลอการพิจารณา