วันนี้ (11 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาพันธ์นักบินนานาชาติส่งหนังสือถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาระบุว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความแข็งแรงของพื้นผิวสนามบิน ซึ่งมีผลต่อทางวิ่งทางขับ และจุดจอดของเครื่องบิน ทั้งที่ได้ถูกตรวจพบตั้งแต่ปี 2551 และเคยมีหนังสือเตือนเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2557 ให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว
และก่อนหน้านี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ระบุว่า สาเหตุที่พื้นผิวสนามบินอ่อนตัวเนื่องจากมีน้ำอยู่ด้านล่างและเกิดจากยางมะตอยที่นำมาก่อสร้าง เมื่อใช้งานอย่างหนักตลอด 2 ปี จึงทำให้เกิดปัญหา ทั้งที่ความเป็นจริงควรมีอายุประมาณ 7 ปี
สมาพันธ์ฯ จึงเสนอมาตรการการบรรเทาปัญหาให้ซ่อมพื้นผิวที่ทรุดตัวและหลุนร่อน เป็นการชั่วคราว และควรมีทีมงานเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดอุปสรรคในการทำการบิน ส่วนสายการบินควรแนะนำให้ระมัดระวัง ขณะเครื่องบินออกจากจุดจอด และขณะขับบนพื้นผิว รวมทั้งแจ้งลูกเรือให้เตรียมพร้อมรับมือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ทั้งรายงานจุดที่มีปัญหาทันทีต่อเจ้าหน้าที่ ทอท., บริษัท วิทยุการบิน รวมถึงรายงานให้สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาต้า
ขณะที่ พ.ต.กมล วงศ์สมบุญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายบำรุงรักษา ชี้แจงว่า ได้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องพื้นผิวต่อเนื่อง โดยแผนระยะสั้นมีเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง หากตรวจพบพื้นผิวชำรุด จะทำการปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซมทันที ส่วนระยะกลางจะก่อสร้างซ่อมแซมพื้นผิว เปลี่ยนชั้นวัสดุยางมะตอยให้เป็นยางมะตอยตามมาตรฐานความปลอดภัย
ส่วนระยะยาวอยู่ระหว่างออกแบบก่อสร้างซ่อมแซมพื้นผิว ด้วยวัสดุปอร์ตแลนด์ซีเมนต์คอนกรีต ซึ่งเมื่อออกแบบแล้วเสร็จ จะเปิดประมูลหาบริษัทผู้รับเหมาต่อไป นอกจากนี้ยังได้ทดลองติดตั้งระบบระบายน้ำใต้ดิน ในการซ่อมพื้นที่ที่มีปัญหา พบว่า สามารถใช้งานด้วยดี แต่การปิดซ่อมพื้นที่ อาจส่งผลต่อความคับคั่งการจราจรของอากาศยาน