วันนี้ (14 พ.ค.2561) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.)โรงเรียนทั่วประเทศจะทยอยเปิดภาคเรียน กระทรวงคมนาคม จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนรับมือ โดยเน้นความปลอดภัย และการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ที่ต้องเพียงพอจะเน้นการรักษาความปลอดภัย และความเพียงพอของระบบขนส่งสาธารณะ
โดยมี 8 มาตรการ โดยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลให้ ขสมก.เพิ่มจำนวนรถและเที่ยววิ่งในวันธรรมดา วันละ 21,928 เที่ยว และกำชับพนักงานขับรถ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ให้กรมการขนส่งทางบก จัดผู้ตรวจการลงพื้นที่บริเวณป้ายรถประจำทางใหญ่ เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โรงเรียน และสถานศึกษาที่มีการจราจรหนาแน่น ป้องกันไม่ให้รถแท็กซี่ และจักรยานยนต์รับจ้างเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน
ขณะที่รถไฟใต้ดินต้องจัดเดินรถให้เพียงพอในชั่วโมงเร่งด่วน และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ ต้องให้บริการครบ 7 ขบวน เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มจากช่วงปิดเทอม อีกกว่า 5,000 คน เช่นเดียวกับการจราจรทางน้ำ ให้กรมเจ้าท่า จัดผู้ตรวจการประจำท่าเรือทุกท่า เพื่อดูความปลอดภัยและความมั่นคงของโป๊ะ ส่วนต่างจังหวัดให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ร่วมกับตำรวจจราจรท้องที่ อำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนกำชับให้สำนักงานขนส่งจังหวัดเข้มงวดรถโรงเรียน และรถรับจ้างเอกชน ให้ปฏิบัติตามกฎ และระงับการใช้รถ หากไม่ผ่านการตรวจสภาพ โดยเฉพาะรถนักเรียนสองแถว
เลือกชุดนักเรียนใหม่ยอดตก20-30%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเลือกซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในหลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่คึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แม้ร้านค้าจะลดราคากว่าร้อยละ 20 ผู้ประกอบการเชื่อว่ามาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อผู้ปกครองลดลง
บรรยากาศการเลือกซื้อชุดนักเรียนบริเวณตลาดผ้าห้าแยกอุดรธานี ถนนโพธิ์ศรี เทศบาลนครอุดรธานี ในช่วงก่อนเปิดเทอมไม่คึกคัก มีผู้ปกครองนำบุตรหลานมาเลือกซื้อเสื้อผ้าบางตา แม้ร้านค้าส่วนใหญ่จะลดราคากว่าร้อยละ 20 และยังสามารถต่อรองราคาได้อีกซึ่งเจ้าของร้าน ยอมรับ ปีนี้มีผู้ปกครองมาซื้อสินค้าลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจมาจากเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ไม่มีกำลังซื้อ และบางส่วนที่มาซื้อก็ซื้อเพียงชุดเดียวจากที่เคยซื้อครอบครัวละ 2-3 ชุด
เช่นเดียวกับบรรยากาศภายในตลาดสดเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ มีผู้ปกครองมาเลือกซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนลดลงโดยส่วนใหญ่เลือกซื้อเฉพาะเสื้อ ไม่ซื้อแบบทั้งชุดทำให้ยอดการขายลดลงกว่าปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 20-30 และโรงเรียนส่วนใหญ่ก็ได้นำชุดนักเรียนไปจำหน่ายเอง จึงทำให้ตลาดภายนอกมีกำลังซื้อลดลง
ส่วนร้านจำหน่ายชุดนักเรียนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ปกครองพาบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดนักเรียนจำนวนมาก ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างอำเภอ ผู้ปกครองหลายคนจะเลือกซื้อแยกเฉพาะบางตัว เช่น ซื้อเฉพาะกางเกง รองเท้า และเสื้อ เพื่อไปใช้แทนชุดเก่าที่ชำรุด ส่วนบางชุดที่ชำรุดไม่มากก็จะนำไปเย็บซ่อมแซม เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว