วันนี้ (16 พ.ค.2561 ) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ประธานคณะอนุกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาลิงที่มีข้อพิพาทขัดแย้งและก่อความเดือดร้อนกับคน ซึ่งขณะนี้มีปัญหา 53 จังหวัดทั่วประเทศ แต่ในพื้นที่ที่ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตและจำเป็นจะต้องมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยทันที มี 12 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี กระบี่ ชลบุรี ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ภูเก็ต มุกดาหาร สตูล สระบุรี อำนาจเจริญ และเขตบางขุนเทียน กทม. อย่างไรก็ตาม จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่าพื้นที่นิคมลิง หรือเกาะลิง มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ จ.ภูเก็ต
โดยข้อมูลสำรวจของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาพระแทว จ.ภูเก็ต และสถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสง จ.สุราษฎร์ธานี กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบว่า มีเกาะใน จ.ภูเก็ต ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ 5 แห่ง และมีศักยภาพในการเป็นที่อยู่อาศัย หรือสร้างนิคมลิง รองรับลิงส่วนเกิน และลิงเกเรในอนาคต เนื่องจากมีแหล่งน้ำมีพืชอาหาร และไม่มีปัจจัยคุกคามทั้งสัตว์ผู้ล่าและคนที่จะเข้าไปล่าลิง โดยเหลือการออกแบบแหล่งน้ำฝนว่าจะเพียงพอให้ลิงได้อยู่อาศัย และการทำประชาพิจารณ์ความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ถ้าประเมิน จ.ภูเก็ต น่าจะมีศักยภาพในการสร้างนิคมลิง อันดับแรกๆ เพราะมีการสำรวจความพร้อมเชิงพื้นที่การรองรับ ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีคนอยู่อาศัย และมีแหล่งพืชแหล่งอาหารสำหรับลิงแต่ยังยืนยันว่า ไม่ได้นำลิงไปปล่อยเกาะแล้วทิ้งขว้าง เพราะก่อนจะนำลิงส่วนเกินย้ายไป จะมีการทำประชาพิจารณ์ประชาชนก่อน โดยจังหวัดวางแผนรับฟังความเห็นชาวบ้านระหว่างวันที่ 22 และ 24-28 พ.ค.นี้ รวมทั้งจะต้องมีการดูแลเรื่องสุขภาพลิง การทำหมันลิง และเตรียมความพร้อมลิงอย่างรอบคอบและรัดกุม และหากนำไปปล่อย ก็ติดตามชีวิตของลิงว่าใช้ชีวิตในบ้านหลังใหม่ อย่างมีความสุขหรือไม่
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ลิงกับคนอยู่ใกล้กัน จนทั้งสองส่วนมีความเครียด ส่วนการย้ายลิงจำนวนกี่ตัวต้องขึ้นกับทางจังหวัด และความเหมาะสมของเกาะ และต้องคำนวณตามพื้นที่ตามหลักวิชการด้านสัตว์ป่า บวกกับอาหารในพื้นที่
ส่วนกรณีที่นักวิชาการไม่เห็นด้วยในการนำลิงไปปล่อยเกาะจะกระทบระบบนิเวศ ยืนยันว่าพูดคุยกันแล้วว่าเห็นด้วย หากจะทำเป็นโมเดลทดลอง ซึ่ง สนช.ยืนยันว่า การหาทางออกแก้ปัญหาลิงกับคนไม่ได้ทำแบบชุ่ยๆ แต่คำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์เป็นอันดับแรกๆ รวมทั้งจะเป็นทางทางออกหนึ่งที่จะแก้ปัญหาคนกับลิง
5 เกาะภูเก็ตสำรวจความพร้อมแล้ว
สำหรับเกาะในจังหวัดภูเก็ตที่มีการสำรวจแล้วเสร็จ ได้แก่
1.เกาะงำ มีพื้นที่ 17 ไร่ 2 งาน มีลักษณะเป็นป่าดิบชื้น มีแหล่งน้ำจืด มีแหล่งอาหารทะเล และพืชป่าที่ลิงกินเป็นอาหาร
2.เกาะปายู พื้นที่ 26 ไร่ 2 งาน มีลักษณะเกาะทอดยาวไปทางเหนือใต้สภาพเป็นป่าดิบชื้น มีพืชขึ้นปกคลุมหนาแน่น และมีหินโผล่มากกว่า 40% เมื่อน้ำลงจะมีหาดเหมาะสำหรับลิง
3.เกาะมาลี หรือมะลิ เป็นเกาะขนาดกลางมีพื้นที่ 12 ไร่ ลักษณะของเกาะทอดตัวยาวทางเหนือลงใต้ สภาพบนเกาะเป็นป่าดิบแล้ง มีแหล่งน้ำจืด
4.เกาะแพ มีพื้นที่ประมาณ 2 งาน เป็นเกาะขนาดเล็กแต่เมื่อน้ำทะเลลงต่ำสุด เกาะจะมีพื้นที่เพิ่มเป็น 14 ไร่ สภาพบนเกาะเป็นไม้ป่าดิบแล้ง และมีหาดหิน
5.เกาะทะนาน เป็นเกาะขนาดกลางมีพื้นที่ 11 ไร่ 2 งาน ลักษณะของเกาะค่อนข้างกลมสภาพเป็นป่าดิบแล้ง เมื่อน้ำลงจะมีหาดหินแห้งรอบเกาะ และไม่มีร่องรอยการเข้ามาใช้ประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ จ.ภูเก็ต มีพื้นที่ที่ประสบปัญหาเดือดร้อนจากลิง 7 แห่ง คือ บ้านท่าเรือบางโรง บ้านยามู กิ่งแก้วซอย 9 เขารัง เขาโต๊ะแซะ เกาะสุรินทร์ ชุมชนซอยท่าจีน
เอ็ดวิน วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า
เอ็ดวิน วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า
ห่วงระบบนิเวศพัง-ชี้ทางออกสุดท้ายย้ายลิงลงเกาะ
นายเอ็ดวิน วีค เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ระบุว่าการขนย้ายลิงไปอยู่บนเกาะ ถึงแม้จะเป็นเกาะไม่มีคนอยู่อาศัย ก็ต้องถือเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะจัดการปัญหาลิงกับคน โดยอยากให้มองถึงการแก้ปัญหาในเชิงพื้นที่ เช่นต้องดูว่าเกิดจากปัจจัยใด ยืนยันว่าลิงมีปัจจัยจากมนุษย์ เช่น การที่นักท่องเที่ยวให้อาหารลิงก็มีผลทำให้พฤติกรรมลิงเปลี่ยน และเข้าใกล้ชิดคนมากขึ้น ขณะที่พื้นที่ของลิงถูกชุมชนเข้าไปบุกรุกเช่นกัน
เมื่อถามสิ่งที่กังวลการย้ายลิงไปอยู่เกาะจะกระทบในเชิงนิเวศ และพฤติกรรมลิง เขาบอกว่า ปัญหาลิง เกิดจากคนสร้างไว้ ไม่ถูกต้องถ้าจะไปสร้างปัญหากับระบบนิเวศ สัตว์ป่าหายากทั้งในพื้นที่เขตอุทยาน เขตห้ามล่า และเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะต้องมีทำการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือีไอเอ ก่อนที่จะไปปล่อยว่าจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่ผมยืนยันว่าจะมีผลกระทบแน่นอน เพราะลิงจะหากินยาก และมันอาจจะไปกินไข่นก ที่วางไว้ และทำลายพืช ต้นไม้ต่างๆมันไม่แน่อน สรุปว่ามีผลกระทบแน่นอน แต่จะเยอะหรือน้อย
อ่านข่าวเพิ่มเติม