ผศ.สมพร ช่วยอารีย์ ประธานโครงการเฝ้าระวังภัยพิบัติลุ่มน้ำปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี แสดงแบบจำลองภูมิศาสตร์สารสนเทศลักษณะการไหลของน้ำจากเขื่อนที่แตกในประเทศลาว โดยระบุว่า จุดที่เขื่อนแตกนั้นไม่ใช่สันเขื่อนหลัก แต่เป็นสันเขื่อนรองลงมา มีความยาวประมาณ 770 เมตร โดยจุดที่เกิดการแตกมีความยาวประมาณ 250 เมตร ส่งผลให้น้ำกว่า 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักลงออกมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนด้านล่างอย่างหนัก
ประธานโครงการเฝ้าระวังภัยพิบัติลุ่มน้ำปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี ระบุว่า ตามแบบจำลองภูมิศาสตร์สารสนเทศ เมื่อน้ำได้ไหลมาถึงบริเวณรอยต่อชายแดนลาวกับกัมพูชา น้ำจะไหลได้ช้าลง เนื่องจากภูมิประเทศในบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นคอขวด ทำให้น้ำระบายได้ช้า คาดน้ำ 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งท่วมพื้นที่ใต้เขื่อนจะใช้เวลาระบายตามลำคลองที่มีอยู่อย่างน้อยกว่า 20 วัน พร้อมเสนอให้ทางการลาวเร่งอพยพผู้ประสบภัยออกนอกพื้นที่ เนื่องจากระยะเวลาหลายวันกว่าสถานการณ์น้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก
ประธานโครงการเฝ้าระวังภัยพิบัติลุ่มน้ำปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี ย้ำเพิ่มเติมว่าไทยมีเขื่อนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมกันกว่า 20 เขื่อน ซึ่งจำเป็นที่ต้องสำรวจตรวจสอบว่ามีความมั่นคงแข็งแรง เนื่องจากเขื่อนคือสิ่งก่อสร้าง เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็จะเริ่มมีการเสื่อมสภาพ จำเป็นจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องมีการให้องค์ความรู้ประชาชนในพื้นที่ใต้เขื่อน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้เห็นว่าจำเป็นจะต้องจัดทำข้อมูลของชาติในทุกด้าน ทุกมิติ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการมีคลังข้อมูลของชาติ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศและใช้เป็นองค์ความรู้ในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินทุกประเภท