สธ.เกาะติดไวรัสอีโบลา หลังพบผู้เสียชีวิต 33 คนในดีอาร์ คองโก

สังคม
6 ส.ค. 61
16:06
659
Logo Thai PBS
สธ.เกาะติดไวรัสอีโบลา หลังพบผู้เสียชีวิต 33 คนในดีอาร์ คองโก
กระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด องค์การอนามัยโลกรายงานการระบาดในประเทศดีอาร์ คองโก พบผู้เสียชีวิตแล้ว 33 คน ปัจจุบันไทยยังไม่มีผู้ป่วยโรคดังกล่าว พร้อมเฝ้าระวังใน 3 ระดับ

วันนี้ (6 ส.ค.2561) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในต่างประเทศยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานสถานการณ์การระบาดโรคอีโบลาครั้งใหม่ใน จ.นอร์ธกีวู ทางตะวันออกของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DR Congo) มียอดผู้ป่วยแล้ว 43 คน และผู้เสียชีวิต 33 คน ซึ่งการระบาดครั้งนี้เกิดหลังจากการประกาศหยุดการระบาดใน จ.อเควเตอร์ได้ อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกยังคงร่วมทำงานอย่างเต็มที่กับหน่วยงานในประเทศที่จะควบคุมและยุติการระบาดในครั้งนี้

ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยที่สงสัยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาตามระบบที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ 1.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 2.โรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชน และ 3.ในระดับชุมชน โดยเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดในทุกๆ ช่องทางเข้า-ออก ทั้งที่ด่านสนามบิน ด่านท่าเรือ และด่านชายแดน หากพบผู้เดินทางมีอาการคล้ายโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะรับเข้าดูแลในโรงพยาบาลที่จัดเตรียมไว้ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เพื่อให้การรักษาตามมาตรฐานที่กำหนด

สำหรับคำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป มีดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่นำเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรค 2.หลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวกลิง ค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่าหรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร 3.สำหรับประชาชนที่เดินทางไปต่างประเทศ ขอให้ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยหมั่นล้างมือบ่อยๆ รับประทานอาหารที่สุก ร้อน สะอาด และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค อาการสงสัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ได้แก่ มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง