Insight : นับนิ้วก็คุ้ม อุ้ม “ชัยวัฒน์” ข้ามห้วย นั่งปลัดคมนาคม

การเมือง
22 ส.ค. 61
21:06
1,506
Logo Thai PBS
Insight : นับนิ้วก็คุ้ม อุ้ม “ชัยวัฒน์” ข้ามห้วย นั่งปลัดคมนาคม

มติคณะรัฐมนตรี 21 สิงหาคม มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่ง หลายคนขยับขึ้นมาตามที่คาดหมาย เพราะอาวุโส ประสบการณ์ ความสามารถ ฯลฯ

แต่ตำแหน่งที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คือ ตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงคมนาคม”

ที่นับว่ามีผู้เข้าชิงมากมายหลายคน ทั้งด้วยอาวุโส ความรู้ ความสามารถ และอายุราชการ

ตัวเต็ง คาดว่าจะได้รับตำแหน่งแทน นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้

 

พีระพล ถาวรสุภเจริญ

พีระพล ถาวรสุภเจริญ

พีระพล ถาวรสุภเจริญ

 

คนแรกคือ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสรางพื้นฐาน ที่มีอายุราชการสูงสุด ที่เหลืออายุราชการเพียง 3 ปี

รับผิดชอบเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวง และดูแผนทั้งหมดของกระทรวง

 

ธานินทร์ สมบูรณ์

ธานินทร์ สมบูรณ์

ธานินทร์ สมบูรณ์

 

คนต่อมาคือ นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ที่เหลืออายุราชการ 3 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมา ตำแหน่งที่จะขยับขึ้นเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ก็มักจะเติบโตมาในสายนี้

 

สนิท พรหมวงษ์

สนิท พรหมวงษ์

สนิท พรหมวงษ์

 

ยังมี นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก แม้จะเกษียณอายุราชการในปี 2562 แต่ด้วยบทบาทการทำงานที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการดูแลระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ก็นับว่าส่งเข้าประกวดได้

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าชิงเก้าอี้ด้วยอีก 3 คน ก็คือ นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง

แต่เมื่อเที่ยงวันที่ 21 สิงหาคม ผ่านไป “เอกสารลับ” มติคณะรัฐมนตรีสัญจร ก็ออกมาถึงมือผู้สื่อข่าว ในหน้าที่ 2 ข้อ 3 ข้อเสนอของส่วนราชการ ระบุว่า กระทรวงคมนาคมพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง รวม 9 ราย

ชื่อแรกในตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงคมนาคม” คือ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.

 

ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ

ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ

ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ

 

โดยมี นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ไปนั่งเป็น ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร แทน

พร้อมตำแหน่งอื่นอีก 8 รายคือ นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เป็น รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น อธิบดีกรมทางหลวง

โยก นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นรองปลัดกระทรวง สลับกับ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ

ส่วน นางอัมพวัน วรรณโก ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ไปเป็น อธิบดีกรมท่าอากาศยานนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมกรมเจ้าท่า ไปนั่งเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และให้นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ไปเป็น อธิบดีกรมเจ้าท่าแทน

นายชัยวัฒน์เปิดเผยหลังทราบมติ ครม. ว่า จะเดินหน้าบริหารงานและขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายและยุทธศาสตร์ระยะ 20 ปี ของกระทรวงคมนาคม ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติ รวมไปถึงผู้พิการและผู้สูงอายุแบบบูรณาการ

“ยังไม่ได้มองว่าจะขับเคลื่อนโครงการใดเป็นพิเศษ แต่ผมวางแผนในภาพใหญ่ เดินหน้าตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงและของชาติ ให้สอดคล้องกัน ครอบคลุมทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ เมื่อภาพใหญ่เดินหน้าไปได้ ถึงจะไล่ลงมาในโครงการต่างๆ เพื่อให้เดินไปด้วยกัน ต้องคิดแผนแบบบูรณาการต่อไป และจะเน้นการบริหารงานในการใช้งบประมาณให้เหมาะสม และมีความคุ้มค่ามากที่สุด”

แต่กระแสที่กลับกัน มีเสียงออกมาจากกรมทางหลวง ว่า นายธานินทร์ สมบูรณ์ จะยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง อธิบดีกรมทางหลวง และปฏิเสธที่จะไปเป็น รองปลัดกระทรวงคมนาคม ตามมติครม. โดยให้เหตุผลด้านสุขภาพ

และบอกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ได้รับใช้กระทรวงคมนาคม มาโดยตลอด ปัจจุบันเหลืออายุงานเพียง 3 ปี มีแผนจะเกษียณอายุก่อนกำหนดอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่พลาดหวังจากตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม แต่อย่างใด

พร้อมเชื่อมั่นว่า นายอานนท์ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ มีความรู้เพราะเคยเป็นรองกรมทางหลวงมาก่อน ก็น่าที่จะสานต่อ ผลักดันโครงการ ที่ยังค้างอยู่ได้ โดยเฉพาะโครงการสำคัญ อย่าง มอเตอร์เวย์ 3 สาย ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

เช่นเดียวกับ นายสนิท พรหมวงษ์ ที่มีกระแสข่าวเช่นกันว่า ลาออกจากอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพราะผิดหวังเก้าอี้ปลัดกระทรวงคมนาคม

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวไปสอบถาม นายสนิทยืนยันว่า ยังไม่มีความคิดนี้ และพร้อมที่จะรับตำแหน่งใหม่

“ตอนนี้ยังมีความสุขอยู่ แต่ในชีวิตข้าราชการทุกคนต้องถึงเวลาเกษียณ หรือมีแผนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็ว” นายสนิทกล่าว

พร้อมยืนยันว่า พอใจมากกับภารกิจใหม่ เพราะตำแหน่งที่ได้รับการพิจารณาทุกตำแหน่ง มีความเหมาะสม ซึ่งการย้ายตำแหน่งไม่ได้เป็นการลดบทบาทหน้าที่แต่อย่างใด เพราะสุดท้ายข้าราชการทุกคนต้องทำงานเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน และประเทศชาติ พร้อมยืนยันว่า จะยังไม่เกษียณก่อนกำหนด อย่างแน่นอน แม้จะมีอายุราชการเหลือเพียง 1 ปี

พร้อมวางแผนจะเร่งผลักดันภารกิจตามนโยบายของคมนาคม ที่ต้องรีบดำเนินการให้สำเร็จ โดยจะเริ่มจากการปฏิรูปรถเมล์ 269 เส้นทาง การยกระดับงานบริการระบบขนส่งสาธารณะ ตลอดจนเรื่องปรับโครงสร้างค่าโดยสาร

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก คนใหม่ จะสานต่อภารกิจได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นคนขยันมุ่งมั่นในการทำงาน

ขณะที่แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม เล่าว่า การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ในครั้งนี้ แม้หลายคนอาจมองว่า เป็นการพลิกโผจากที่คิดกันไว้ แต่ไม่พลิกผันแน่ๆ สำหรับ หัวหน้าฝ่ายนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศ อย่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน ที่ต้องเร่งดำเนินการก่อสร้าง และเปิดประมูลให้ทันในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ

ซึ่งโครงการที่คาดว่า กระทรวงคมนาคมจะต้องเร่งผลักดันในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ วงเงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยโครงการต่างๆ นั้น เริ่มจากโครงการ PPP อย่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์, โครงการรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) จ.ภูเก็ต, โครงการรถไฟฟ้าแทรม จ.เชียงใหม่ โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ, โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ (N2) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงินมากกว่า 4 แสนล้านบาท รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ - หัวหิน วงเงิน 1 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2

ขณะที่ในช่วงบ่ายวันที่ 22 สิงหาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้เรียก ว่าที่รองปลัดใหม่ ทั้ง 2 คนเข้าพบ เพื่อสยบข่าวลาออก

ก่อนจะบอกผู้สื่อข่าวว่า การโยกย้ายถือเป็นการสับเปลี่ยนการทำงาน และขณะนี้ยังไม่มีการยื่นใบลาออก รวมทั้งการเรียกนายสนิท ว่าที่รองปลัดคมนาคมคนใหม่มาพบ เป็นเพียงการมอบหมายงาน และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

แต่ถึงอย่างไรข่าวลาออกของทั้ง 2 คน ก็ยังไม่จบ เพราะ นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กลับบอกว่า ยังไม่เห็นหนังสือลาออก แต่สอบถามบุคคลใกล้ชิดของทั้ง 2 คน ยืนยันว่า เป็นความจริง

ที่น่าจับตาไม่ใช่ว่าใครจะอยู่ใครจะไป แต่ถ้ามองกันยาวๆ ด้วยองค์ประกอบ ทั้งการเมือง ที่การเลือกตั้งกำลังจะมา ความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ กับการหาเสียงที่ต้องสัมพันธ์กัน และจับต้องได้ ยังไม่นับเรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน ที่มีแผนก่อนหน้านี้ วันนี้ และอนาคต

นายชัยวัฒน์นับว่าเข้าตาผู้ใหญ่ในรัฐบาลมากกว่าใครอื่นแน่ๆ ทั้งเพราะประสบการณ์ในกรมการขนส่งทางบก การวางแผนระบบราง ฯลฯ


ใครเป็นคนเสนอชื่อ “ชัยวัฒน์” ข้ามห้วยมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ ก็ย่อมนับนิ้วแล้วว่า คุ้มค่าที่จะแลกกับเสียงวิจารณ์ที่กระหึ่มลานหูกวาง!!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง