ท่ามกลางยุคที่ผู้คนเสพความบันเทิงด้านเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ส่งผลให้วงการ Music Streaming เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ยืนยันได้จากรายได้เมื่อปีที่แล้วซึ่งสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากแต่อุตสาหกรรมเพลงไม่ได้เพียงดิจิทัลเท่านั้น โลกอนาล็อกที่หลายคนคิดว่าตายไปแล้วค่อยๆ ทยอยกลับมา เริ่มจากแผ่นไวนิลก่อน โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าศิลปินจำนวนมากต่างหันกลับผลิตแผ่นเสียงมากขึ้น เฉพาะในสหราชอาณาจักรก็มีอัตราเติบโตถึงร้อยละ 26.8
แต่อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ British Phonographic Industry มองว่ากำลังขยายตัวเช่นกัน คือเทปคาสเซ็ต แม้วันนี้สัดส่วนการตลาดอาจไม่มากนัก โดยเมื่อปีที่แล้วยอดขายเทปในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริการวมกันอยู่ที่ 174,000 ตลับ แต่เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตพบว่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจเทปในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2560 เติบโตถึงร้อยละ 35 ส่วนสหราชอาณาจักร แม้ยอดจำหน่ายจะน้อยกว่า แต่กลับเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี เช่น ยอดขาย 6 เดือนแรกของปี 2561 สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ โดยอัลบั้มที่ขายดีที่สุดเวลานี้ คือ Golden ของศิลปินสาว Kylie Minogue รองลงมา คืออัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ Guardians Of The Galaxy : Awesome Mix 2 Original Soundtrack ของ Disney Music Group
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเทปคาสเซ็ตกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง คือเทปนั้นเชื่อมโยงกับความทรงจำของผู้คนจำนวนมาก หลายคนเติบโตมากับเทป จึงรู้สึกว่าการฟังเพลงด้วยวิธีนี้มีความสุขมากกว่า และรู้สึกได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีต และแม้ปัจจุบันเทปเพลงจะราคาสูงกว่าซีดีเพลงกว่าเท่าตัว เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเดิมมาก แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยอมจ่ายเพื่อแลกกับประสบการณ์เดิมๆ เช่นเดียวกับศิลปินจำนวนหนึ่งที่มองว่าการผลิตผลงานเป็นเทปนั้นคลาสสิกกว่า และทำให้ผู้ฟังสามารถเข้าถึงและเชื่อมโยงกับบทเพลงได้ดีกว่าการฟังผ่านระบบ Streaming ทั่วไป นับเป็นเสน่ห์ที่อยู่คู่กับโลกอนาล็อกอย่างแท้จริง
ขณะที่ยอดจำหน่ายแผ่นไวนิลและเทปคาสเซ็ตขยับตัวสูงขึ้น แต่ยอดขายซีดีกลับน้อยลง โดยข้อมูลจากสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ ระบุว่ารายได้เมื่อปี 2560 ลดลงจากปีก่อนประมาณ 5.4 เปอร์เซ็นต์