อย.ชี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรักษาโรคตาไม่ได้

สังคม
7 ก.ย. 61
14:32
1,592
Logo Thai PBS
อย.ชี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรักษาโรคตาไม่ได้
อย.เตือนประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาว่าสามารถรักษาโรคทางตาได้ พร้อมขอให้ผู้ประกอบการอย่าโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง มีโทษทั้งจำและปรับ และจะถูกพิจารณาเพิกถอนเลขสารบบอาหาร

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตือนประชาชนหลังมีข่าวพบผู้ป่วยสูญเสียดวงตาข้างขวาจากการติดเชื้อรุนแรง เนื่องจากใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "พลูคาว" มาหยอดตา เพื่อรักษาอาการต้อกระจก

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาขออนุญาต อย. ใช้ชื่อ "คอลดาต้า" (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำพลูคาว) โดยมีสถานที่ผลิตอยู่ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเคยถูก อย.ดำเนินคดีเกี่ยวกับการโฆษณากับผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายแล้ว และได้ตรวจสอบสถานที่จำหน่ายคือ บริษัท คิงส์ เฮิร์บเวิลด์ 1999 จำกัด ตั้งอยู่เขตบางเขน กรุงเทพฯ พบเป็นสถานที่จำหน่ายแบบขายตรง MLM มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ จ.ขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์หาตัวยาและสเตียรอยด์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบการปลอมปนยาหรือสารอันตราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ยังพบเอกสารเผยแพร่การโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ อย.จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดเพื่อประกอบการดำเนินคดี หากพบเป็นการโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากแสดงสรรพคุณที่ทำให้เข้าใจว่ามีผลในการรักษา บำบัด บรรเทา รักษาโรค จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะพิจารณาเพิกถอนเลขสารบบอาหาร

 

รองเลขาธิการ อย. ยังขอให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย โดยเฉพาะพนักงานขายตรง อย่ากระทำการโฆษณาที่อวดสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกล่าวอ้างรักษาสารพัดโรค จนทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ พร้อมเตือนผู้ป่วยที่เป็นโรคทางตา โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อย่าหลงเชื่อใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว ซึ่งไม่มีสรรพคุณในการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ อาจทำให้โรคตาที่เป็นอยู่มีความรุนแรงขึ้น ที่สำคัญอย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ ที่โฆษณาอวดสรรพคุณรักษาโรคร้ายต่างๆ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ยา ไม่สามารถป้องกัน บำบัดและรักษาโรคได้ ทั้งนี้ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาจากจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง