ผู้เสียหายคดีหมอสูติฯ ทำอนาจาร ร้อง ผบ.ตร.โอนคดีให้กองปราบ

สังคม
20 พ.ย. 61
19:09
701
Logo Thai PBS
ผู้เสียหายคดีหมอสูติฯ ทำอนาจาร ร้อง ผบ.ตร.โอนคดีให้กองปราบ
นักกฎหมาย แนะแพทยสภาชี้ขาดแพทย์สูตินรีเวชที่ถูกร้องเรียนใน จ.นครสวรรค์ กระทำตามหลักการแพทย์หรือไม่ ขณะที่ผู้เสียหายเข้าร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอโอนย้ายคดี เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันนี้ (20 พ.ย.61) ผู้เสียหาย 6 คน ที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศขณะเข้ารับการตรวจภายใน ที่คลินิกสูตินรีเวชแห่งหนึ่ง จ.นครสวรรค์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้มีคำสั่งเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด และขอโอนย้ายคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก และกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี เปิดเผยว่า ติดตามกรณีนี้มากว่า 2 เดือน พบผู้เสียหายมาแสดงตัวแล้วประมาณ 50 คน บางคนไม่กล้าแจ้งความ ทำให้หลายคดีขาดอายุความไปแล้ว แต่พร้อมเป็นพยานในคดีให้กับผู้เสียหายคนใหม่

 

ดูข้อมูลมา 2 เดือนเต็ม ดูพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่ง ดูข้อความในไลน์ เห็นคำพูดหลายคำว่าไม่ใช่การรักษา

ขณะที่นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด แสดงความเห็นกรณีการฟ้องร้องระหว่างผู้เสียหายที่เป็นคนไข้ และแพทย์ที่ตรวจรักษา ด้านสูตินรีเวช ว่า ผู้เสียหายต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าถูกล่วงละเมิด นอกเหนือจากการตรวจรักษาปกติ เช่นเดียวกับทางแพทย์ที่ต้องชี้แจงให้ได้ถึงขั้นตอนปฏิบัติ พร้อมเรียกร้องให้แพทยสภา เป็นผู้ชี้ขาดว่าแพทย์ดำเนินการถูกหลักวิชาชีพหรือไม่

 

ต้องดูว่ามีการรักษาอย่างนี้หรือไม่ หรือมีวิธีการบรรเทาความเจ็บปวดก่อนตรวจภายในหรือเปล่า ถ้าเป็นวิชาการจริงๆ แพทยสภาต้องยืนยัน

 

รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนเข้ารับการรักษา แพทย์จะต้องบอกขั้นตอนและวิธีการรักษาให้กับผู้รับการรักษาให้ชัดเจน ทั้งเครื่องมือที่จะใช้และวิธิปฏิบัติว่าผู้รับการรักษาจะยินยอมหรือไม่ หลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องในภายหลัง

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจล่าช้านั้น อาจเป็นเพราะขณะที่ผู้เสียหายถูกกระทำนั้นไม่รู้ว่าถูกล่วงละเมิด แต่มารู้ภายหลังว่าการกระทำของแพทย์อาจไม่เป็นตามข้อตกลงในการรักษา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง