วันนี้ (22 พ.ย.2561) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำภาคใต้จากอิทธิพลของพายุโทราจี ขณะนี้ฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยจากปริมาณฝน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ อ.นบพิตำ จ.นครศรี ธรรมราช 397.5 มิลลิเมตร อ.สิชล 207.5 มิลลิเมตร อ.เมือง 153.2 มิลลิเมตร และอ.ลานสกา 114.5 มิลลิเมตร ส่วนที่อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี 147 มิลลิเมตร อ.กาญจนดิษฐ์ 140 มิลลิเมตร และอ.ปะเหลียน จ.ตรัง 80 มิลลิเมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 พ.ย.61 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทย คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
สำหรับพายุดีเปรสชันบริเวณทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ ได้เคลื่อนสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ในช่วงวันที่ 24-27 พ.ย.นี้ และจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเป็นพายุดีเปรสชั่น และหย่อมความกดอากาศต่ำ
สถานการณ์น้ำ 2 จังหวัดเริ่มคลี่คลาย
ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งการติดตามสภาพอากาศ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ การบริหารจัดการน้ำ และจัดเตรียมบุคลากร เครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำรวมถึงการสนับสนุนอื่น ๆ ให้มีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี เริ่มคลี่คลายลงแล้ว เหลือเพียงบางจุดในพื้นที่ลุ่มที่ยังมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบายลงทะเลได้อย่างรวดเร็ว แต่ทางเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ยังคงปักธงสีแดง เป็นสัญลักษณ์เตือนว่า ระดับน้ำยังคงไหลหลากสูงอยู่ในลำคลองสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมือง จึงต้องเฝ้าระวังหากเกิดฝนตกซ้ำอีก
ส่วนจ.สุราษฎร์ธานี น้ำที่ไหลจากเทือกเขาหลวง เข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านริมคลองในอ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก และอ.นาสาร ปริมาณน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่ม คาดว่าหากไม่มีฝนตกซ้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 1-2 วันนี้
