วันนี้ (25 พ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้กับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พร้อมยืนยันว่าเป็นโครงการที่สามารถตรวจสอบได้ มีกฎหมายรับรอง โดยฝ่ายกฎหมายรัฐบาล คสช.พิจารณามาอย่างรอบครอบแล้ว และปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นการหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า
ด้าน อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า จะมีการตรวจสอบรัฐบาล คสช. หลังอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 86,994 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อาจเข้าข่ายหาเสียงล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้ง
ผมเชื่อว่าต้องตรวจครับ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของ กกต. ไม่ต้องมีใครร้องขอแต่หากมีคนร้องหรือบอกมาก็อาจจะเป็นประโยชน์
สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ ทำให้เกิดข้อสังเกตว่า กกต.กำลังสื่อสารให้สังคมรับรู้ถึงความเป็นอิสระต่อการทำหน้าที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น
ขณะที่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบเพียงคดีโครงการรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเดินหน้าตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาจมีพฤติการณ์เข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทย ซึ่งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ กกต. กำลังดำเนินการมากว่า 1 เดือนแล้ว และจะเชิญบรรณาธิการข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ หากมีผลสรุปว่าผิดจริง อาจมีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรคได้
แม้ กกต.จะพยายามปรับภาพลักษณ์ด้วยการสร้างความเป็นอิสระ จนถึงขั้นแสดงความพร้อมตรวจสอบทุกฝ่าย แต่ด้วยอำนาจของ คสช.ที่ยังใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งควบคุมเรื่องต่างๆ ได้ และล่าสุด คือคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2561 ที่เปิดทางให้ร้องเรียนต่อรัฐบาลหรือ คสช. เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ ก็ยังคงเป็นร่องรอยที่ทำให้ทุกฝ่ายตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระที่แท้จริงของ กกต.ไม่ใช่แค่การออกคำสั่งที่กระทบต่อการเลือกตั้งเท่านั้น
ที่ผ่านมา คสช.ยังเคยออกคำสั่งปลดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร พ้นจากตำแหน่ง กกต. หลังจากแสดงความเห็นที่สวนกับแนวทางของ คสช.ถือว่าเป็นคำสั่งที่กระทบต่อตัวบุคคลโดยตรง แม้ปัจจุบันนายสมชัยจะเข้าสังกัดกับพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทพิสูจน์ว่า คสช.มีอำนาจต่อการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ