ครั้งแรก ! คทช.ไฟเขียวจัดคนอยู่ในป่าอนุรักษ์ 5.9 ล้านไร่

สิ่งแวดล้อม
20 ธ.ค. 61
18:34
8,197
Logo Thai PBS
ครั้งแรก ! คทช.ไฟเขียวจัดคนอยู่ในป่าอนุรักษ์ 5.9 ล้านไร่
คทช.จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน และออกหนังสืออนุญาตไปแล้วกว่า 473,000 ไร่ รวมกว่า 52,000 คน จากตัวเลข 1.3 ล้านไร่ ขณะที่ยังเตรียมปลดล็อกแก้ปัญหาที่ดินในป่าอนุรักษ์ ทั้งเขตอุทยาน เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าที่พบบุกรุกหลังมติ ครม. 30 มิ.ย.2541 อีก 5.9 ล้านไร่

วันนี้ (20 ธ.ค.2561) นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาการถือครองที่ดินและการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตั้งแต่ปี 2558 – ปัจจุบันว่า ขณะนี้ได้วางกรอบพื้นที่ไว้ 884 พื้นที่ครอบคลุม 70 จังหวัด รวมเนื้อที่กว่า 1.3 ล้านไร่ ใน 6 ประเภทที่ดิน คือ ป่าสงวนแห่งชาติ 248 พื้นที่ 61 จังหวัด รวมกว่า 1.14 ล้านไร่ 

ป่าชายเลน 477 พื้นที่ 21 จังหวัด รวมกว่า 27,000 ไร่ ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน 89 พื้นที่ 19 จังหวัด รวมกว่า 110,000 ไร่ ที่ดินสาธารณประโยชน์ 29 พื้นที่ 12 จังหวัด รวมกว่า 10,800 ไร่ ที่ราชพัสดุ 7 พื้นที่ 6 จังหวัด กว่า 6,800ไร่ และที่ดินในนิคมสร้างตนเอง 34 พื้นที่ 29 จังหวัดกว่า 9,000 ไร่

เลขาธิการ สผ. กล่าวว่า เบื้องต้นการจัดสรรที่ดินและออกหนังสืออนุญาตไปแล้วกว่า 473,050 ไร่ ใน 140 พื้นที่ 57 จังหวัด จัดสรรคนลง 165 พื้นที่ 52,362 คน รวม 66,733 แปลง ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ 118 พื้นที่ ใน 56 จังหวัดคือ ป่าสงวน ป่าชายเลน ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ และที่ราชพัสดุ จะเน้นให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกไม้มีค่า และไม้ยืนต้นสร้างรายได้ในระยะยาว แทนการปลูกพืชเชิงเดียว 

 

ถือเป็นครั้งแรกที่จัดการพื้นที่การครอบครองของชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์ โดยมีมาตรการแนวทาง และการปรับปรุงกฎหมาย ให้สามารถอนุญาตชาวบ้านอยู่อาศัยใช้ประโยชน์อย่างเกื้อกูลธรรมชาติ

ทั้งนี้จะดำเนินการควบคู่กับใช้มติ ครม.26 พ.ย.2561 แต่มีคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2557 เป็นกฎหมายรองรับ และกำหนดวิธีช่วยเหลือราษฎรผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยในพื้นที่เดิม ถือเป็นการปกป้องสิทธิและป้องกันกลุ่มนายทุนเข้าไปรุกที่ดินในเขตป่าด้วย

เล็งจัดคนลงในป่าอนุรักษ์รวมพื้นที่ 5.9 ล้านไร่

ด้านนายวีระยุทธ วรรณเลิศสกุล ผู้อำนวยการส่วนจัดการที่ดินและชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการสำรวจภาพถ่ายดาว เทียมในปี 2557 มีชาวบ้านครอบครองที่ดินก่อนมติ ครม.30 มิ.ย.2541 จำนวน 3.6 ล้านไร่ และครอบครองหลังมติครม.อีก 2.3 ล้านไร่ รวมเป็น 5.9 ล้านไร่

ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 พ.ย.นี้ได้เห็นชอบการแก้ปัญหาการอยู่อาศัยและทํากินในพื้นที่ป่าไม้ทุกประเภทที่มีการแก้กฎหมายพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 เพื่ออนุญาตให้ราษฎรอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์อย่างเกื้อกูลธรรมชาติภายในป่าอนุรักษ์ได้เป็นครั้งแรกของประเทศ

กรมอุทยาน มีหลักการจัดการที่ดินที่ชัดเจนโดยชุมชนที่จะได้รับการพิจารณาต้องเป็นชุมชนที่อาศัยอยู่เดิม ไม่มีการจัดที่ดินให้แก่บุคคลภายนอก กำหนดขอบเขตพื้นที่ทำกิน ยอมรับร่วมกัน จะให้เป็นสิทธิทำกินไม่ได้ให้เอกสารสิทธิ

 

ส่วนชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เปราะบางทางธรรมชาติ หรือพื้นที่ล่อแหลมถูกคุกคามส่วนใหญ่เป็นชาวเขาภาคเหนือ ต้องดูว่าการทำกินแบบเดิมกระทบต่อระบบนิเวศหรือไม่ หากมีผลกระทบต้องให้ชุมชนปรับตัวในเรื่องทำกิน การปลูกพืชต่างๆ หรืออาจต้องย้ายลงมาไม่ให้กระทบกับพื้นที่เปราะบางให้อยู่ได้เท่าที่จำเป็น

ที่สำคัญต้องอยู่อาศัยและทำกินภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงร่วมกัน ซึ่งแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมในพื้นที่และชุมชนนั้นๆ

นายวีระยุทธ กล่าวว่า จากการสำรวจพื้นที่ชาวบ้านครอบครองที่ดินหรือมีร่องรอยการอยู่อาศัยและทำกินมาก่อน 5.9 ล้านไร่ ปัจจุบันบางพื้นที่ถูกแผ้วถางเป็นพื้นที่รกร้าง และไม่ได้ใช้ประโยชน์ต้องขอคืนให้รัฐ ซึ่งการแก้กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องตามมติ ครม.26 พ.ย.2561 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขป่าที่ 5.9 ล้านไร่เป็นผลจากการศึกษา และหลังจากนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์การครอบครองตรวจสอบชุมชนในเขตป่าภายในระยะเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปีนี้

 

 

คาดว่าตัวเลขจะต้องลดลงจาก 5.9 ล้านไร่ เพราะจะสแกนนายทุน นอมินี หรือผู้มีอิทธิพลที่ครอบครองพื้นที่ป่าอนุรักษ์ออกไปทั้งหมด โดยใช้รูปแบบการทำประชาคม ไม่ใช่คนเพียง 2-3 คนแล้วมาชี้ก็ได้ที่ดินไป

เมื่อถามว่าการใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้ชุมชนทำกิน มาจากการไม่สามารถผลักชุมชนเดิมออกจากป่าใช่หรือไม่ นายวีระยุทธ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องการแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จ เพราะมติ ครม.30 มิ.ย.2541 ผ่านมา 20 ปี มีป่าอนุรักษ์ถูกบุกรุกเพิ่มอีก 2.3 ล้านไร่ ถ้ายังไม่เด็ดขาดหรือควบคุมได้ก็จะยิ่งขยายการบุกรุกป่าอนุรักษ์เพิ่ม และยืนยันว่าจะไม่มีการเฉือนป่า แต่ให้คนอยู่ร่วมในป่าภายใต้กติกาที่เข้มข้น 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เปิดตัวเลขคนในเขตป่า

จัดระเบียบคนคุมป่าแหว่งกว่า 20 ล้านไร่

“แม่ทา” สิทธิใช้ที่ดินแปลงรวม ติดเงื่อนไข “จังหวัด”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง