วันนี้ (4 ม.ค.2562) เมื่อเวลา 12.45 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 18 #พายุโซนร้อนปาบึก” ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณระหว่างอ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชแล้ว ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กม.ต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและจะเคลื่อนเข้าปกคลุมจ.สุราษฎร์ธานีในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่าขณะนี้พายุปาบึกขึ้นฝั่งแล้ว และหลังจากนี้จะค่อยๆอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน ซึ่งภาพรวมถือว่ามีทิศทางที่ดี แต่ยังมีฝนตกหนักและลมแรงในพื้นที่ตามประกาศที่แจ้งไว้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ เวลา 14.00 น. ที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช มีลมแรงและมีฝนตกหนักต่อเนื่อง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ขณะที่ชาวบ้านเตรียมความพร้อม ทั้งไฟฉาย เทียน หลังมีรายงานข่าวว่าจะมีการตัดไฟช่วง 15.00 น. ของวันนี้ เพื่อความปลอดภัย
สทนช.ระบุความแรงพายุน้อยกว่าแฮเรียต
เวลา 15.30 น. นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( สทนช.) กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกที่เข้าฝั่งแล้ว ถือว่าความแรงของลมที่ใกล้จุดศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าความแรงน้อยกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเทียบเคียงกรณีของพายุแฮเรียต ที่ก่อให้เกิดความเสียหายของแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช ในปี 2505
ขณะนี้มีความเสียหาย เช่นเสาไฟฟ้าหักโค่น ต้นไม้ ที่ถูกลมพัดโค่น หลังจากนี้รอให้พายุเบาบางลงทีมเผชิญเหตุและชุดปฏิบัติงานจะเข้าไปช่วยเหลือและแก้ปัญหาในพื้นที่ประสบภัยทันที
อย่างไรก็ตาม แต่ ดร.เสรี ศุภทราทิตย์ นักวิชาการด้านภัยพิบัติ ให้สัมภาษณ์ ระบุพายุโซนร้อนปาบึก ยังไม่เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 18 เมื่อเวลา 12.45 น.ระบุยังเป็นแค่ขอบพายุ ยังไม่ตาพายุ และกลัวประชาชนสับสนและบางส่วนอาจจะรีบกลับเข้าบ้าน เพราะคิดว่าพายุขึ้นฝั่งไปแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนถล่มภาคใต้ ! สถิติตกหนักสุด อ.สะบ้าย้อย 278 มม.
สนามบินสุราษฎร์ธานี ปิดให้บริการตั้งแต่ 4 โมงเย็น