"ประวิตร" ยืนยันส่งตัวหญิงซาอุฯ กลับประเทศต้นทาง

อาชญากรรม
7 ม.ค. 62
17:35
3,350
Logo Thai PBS
"ประวิตร" ยืนยันส่งตัวหญิงซาอุฯ กลับประเทศต้นทาง
พล.อ.ประวิตร ยืนยันจะไม่ส่งตัวหญิงชาวซาอุดิอาระเบีย วัย 18 ปี ที่เข้ามาในประเทศไทยโดยที่ไม่มีวีซ่า ไปประเทศที่ 3 ตามการร้องขอ ขณะเดียวกัน "แอมเนสตี้" ขอให้ทางการไทยอย่าส่งตัวหญิงคนดังกล่าวกลับซาอุดิอาระเบีย

จากกรณีเจ้าหน้าที่ท่าอากาศย่านสุวรรณภูมิ ควบคุมตัว น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี ชาวซาอุดิอาระเบีย ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยโดยที่ไม่มีวีซ่า เพื่อดำเนินการสอบสวน โดยหญิงสาวอ้างถึงการหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งหลบหนีจากครอบครัวซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปประเทศคูเวต และพยายามต่อเครื่องบินจากสนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิของไทย เพื่อลี้ภัยไปออสเตรเลีย เพราะหากถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทางเกรงว่าจะถูกครอบครัวทำร้าย

"ประวิตร" ไม่ส่งตัวหญิงซาอุฯ ไปประเทศที่ 3

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้ว่ากรณีนี้เป็นเรื่องระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งขั้นตอนคือต้องดำเนินการตามกฎหมายและส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง โดยจะไม่มีการส่งตัวไปประเทศที่ 3 ตามที่เธอร้องขอ เบื้องต้น สถานทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทยได้เข้ามาดูแลและให้การช่วยเหลือแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า นอกจากจะดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ก็จะยึดหลักมนุษยธรรม โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าพูดคุยกับหญิงคนดังกล่าวในช่วงค่ำวันนี้ (7 ม.ค.)

พร้อมย้ำว่า หญิงคนดังกล่าวยังคงเก็บตัวอยู่ในห้องพัก และยืนยันว่าต้องการเดินทางไปยังออสเตรเลีย ดังนั้นต้องพูดคุยเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะหญิงคนดังกล่าวยื่นความประสงค์จะเดินทางไปออสเตรเลีย ซึ่งต้องถามทางออสเตรเลียด้วยว่าจะรับตัวหรือไม่

"แอมเนสตี้" ขอไทยอย่าส่งตัว "ราฮาฟ" กลับซาอุฯ

ซามาห์ ฮาดิด ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ตะวันออกกลาง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ราฮาฟเสี่ยงจะได้รับอันตรายอย่างใหญ่หลวง หากทางการไทยส่งตัวเธอกลับไปซาอุดิอาระเบียผ่านคูเวต เป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่งกับรายงานที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ซาอุฯ ได้ยึดหนังสือเดินทางของเธอช่วงที่เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ นอกจากนั้นการยึดหนังสือเดินทางโดยพลการยังละเมิดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการเดินทางอีกด้วย

เธอได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความกลัวด้านความปลอดภัยของตนเอง หากเธอต้องเดินทางกลับไปหาครอบครัวอาจทำให้เธอถูกดำเนินคดีอาญาในซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากขัดขืนกฎหมายที่บังคับให้ผู้หญิงต้องอยู่ใต้การกำกับดูแลของญาติที่เป็นผู้ชาย (male guardianship) โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UN High Commissioner for Refugees) ได้ร้องขอที่จะเข้าพบราฮาฟ ทางการไทยยังไม่ยินยอมตามคำขอ ทางการไทยต้องดำเนินการตามคำขอโดยทันที และประกันให้มีการเคารพต่อสิทธิที่จะแสวงหาที่ลี้ภัย

ทางการไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อห้าม ไม่ให้ส่งตัวบุคคลไปยังสถานที่ใดๆ ที่มีความเสี่ยงอย่างแท้จริง ว่าจะถูกปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ราฮาฟมีสิทธิเข้าถึงหลักประกันที่เป็นธรรมและเป็นผล เพื่อคัดค้านการส่งตัวกลับไปประเทศตนเอง และเข้าถึงการคุ้มครองระหว่างประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง