วันนี้ (25 ม.ค.2562) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเสวนาวิชาการ ในหัวข้อ PM 2.5 ตระหนักอย่างไม่ตระหนก
รศ.พญ.พรรณทิพา ฉัตรชาตรี หน่วยภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า ในช่วงที่กรุงเทพมหานครเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการกำเริบเร็วและรุนแรงขึ้น
บางเคสหมอนัด 3 เดือน แต่คนไข้มารักษาก่อนนัดหรือเข้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอื่นบ่อยขึ้น บางคนต้องเพิ่มยาแก้แพ้ โดยทานทุกวัน บางคนใช้ยาพ่นจมูกมากขึ้น นอนไม่หลับ ไอ ระคายคอ โดยเฉพาะเด็กเล็ก
ขณะที่มีคนไข้เด็กโรคภูมิแพ้ที่ไม่มีอาการกำเริบมาประมาณ 1 ปี แต่กลับมีอาการนอนไม่หลับ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ไม่มีอาการไข้หรือน้ำมูกร่วมด้วย รศ.พญ.พรรณทิพ จึงเริ่มทำวิจัยในการสำรวจเบื้องต้น ร่วมกับ น.ส.ธนพร จิตติพลังศรี นำเครื่องวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ไปวัดภายในบ้าน และนอกบ้านเด็กคนดังกล่าวแล้วพบว่า มีค่าสูง โดยภายนอกวัดค่าฝุ่นได้ 80 มคก.ลบ.ม. ส่วนภายในวัดได้ 55 มคก.ลบ.ม.
ซักประวัติเพิ่ม พบว่า บ้านเด็กอยู่ติดริมถนน ร่วมกับมีการก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ บ้านด้วย จึงแนะนำให้ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยทำความสะอาดอากาศในบ้าน
ขณะที่มีการทดสอบวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ในบ้านอีก 5 หลัง รวมเป็น 6 หลัง พบว่าภายนอกและภายในบ้านมีค่าฝุ่น PM 2.5 ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เกินค่ามาตรฐาน โดยการทดสอบ 10 วัน พบว่า ในช่วงที่มีการเปิด-ปิดประตูบ้านค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นเฉพาะจุดอย่างมีนัยยะอีกด้วย
นอกจากนี้ น.ส.ธนพร และคณะยังได้ทำการศึกษาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในอาคาร 7 แห่งจาก 4 ประเภท คือ บ้าน โรงแรมหรือคอนโด สำนักงาน และโรงพยาบาล โดยผลการศึกษาพบว่า มี 2 สถานที่พบค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ภายในอาคารมากกว่าภายนอกอาคาร ได้แก่ โรงแรมในพื้นที่สีลม กทม. ภายในอาคารวัดค่าได้เฉลี่ยประมาณ 24 มคก.ต่อ ลบ.ม. ส่วนภายนอกอาคารวัดได้เฉลี่ยเพียง 9 มคก.ลบ.ม. และอีกพื้นที่ คือ บ้านใน บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ภายในอาคารวัดค่าได้เฉลี่ยประมาณ 46 มคก.ต่อ ลบ.ม. ส่วนภายนอกอาคารวัดได้เฉลี่ย 11 มคก.ต่อ ลบ.ม.
สำหรับต้นกำเนิดของ PM 2.5 ภายในบ้านมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ควัน เครื่องพิมพ์เอกสาร การประกอบอาหาร และพื้นที่ริมถนน ดังนั้น รศ.พญ.พรรณทิพ แนะนำว่า ควรอยู่ในบ้านให้มากขึ้น โดยตรวจสอบให้มั่นใจว่าภายในบ้านไม่มีแหล่งกำเนิด PM 2.5 และอาคารมีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าช่วงไหนที่ค่า PM 2.5 ต่ำๆ หรือมีอากาศปลอดโปร่งก็ควรเปิดประตู-หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศด้วย เพราะการปิดประตูหน้าต่างทตลอดเวลา อาจทำให้เกิดเชื้อราและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผู้อาศัยหายใจออกมาจนสะสมอยู่ภายในบ้านได้
หากต้องออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยให้แนบกับรูปหน้ามากที่สุด สำหรับเด็กนักเรียน โรงเรียนบางแห่งเริ่มให้เด็กเข้าแถวช่วงเช้าภายในอาคาร งดกิจกรรมกลางแจ้งแล้ว
ทั้งนี้ รศ.พญ.พรรณทิพา ย้ำว่าสำหรับผู้ปกครองเด็กกลุ่มเสี่ยง ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะภูมิแพ้ต้องคอยสังเกตอาการและแยกระหว่างผลกระทบจากการติดเชื้อหรือผลกระทบจากฝุ่นให้ชัดเจน เพราะอาการติดเชื้อเด็กจะมีไข้แต่เพียง 1 สัปดาห์ก็จะหาย แต่หากมีอาการเป็นๆ หายๆ ติดต่อกัน ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามลพิษทางอากาศมีผลกระทบกับตัวเด็กหรือไม่