วันนี้ (21 ก.พ.2562) นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ปีนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนช้ากว่าปีก่อน 1 สัปดาห์ และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือน พ.ค.โดยประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 39 - 40 องศาเซลเซียส โดยจะสูงกว่าค่าปกติและจะสูงกว่าปีก่อน 1 - 2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุดในปีนี้จะไม่ทำลายสถิติอากาศร้อนที่สุดของไทย ซึ่งวัดอุณภูมิได้ 44.6 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2559 และคาดว่าอากาศจะร้อนที่สุดใน 7 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก นครสวรรค์ และกาญจนบุรี
หลายพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีอากาศร้อนจัดอุณหภูมิสูงสุดในตอนกลางวัน 40 องศาเซลเซียส บางช่วงเดือน มี.ค.และ เม.ย.
ถึงแม้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงอิทธิพลเอลนิโญ แต่ปีนี้จะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และส่งผลต่อไทยน้อยมาก
ขณะที่ ปีนี้ปริมาณฝนโดยรวมเฉลี่ยจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ร้อยละ 10-30 บริเวณประเทศไทยตอนบนแต่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ คาดจะสามารถผ่านพ้นหน้าร้อนและแล้งปีนี้ไปได้
นายภูเวียง กล่าวว่า ย้อนกลับไปประมาณปี 2540 เอลนิโญมีกำลังแรงส่งผลทำให้บริเวณประเทศไทยอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งหลายๆ ประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบไม่ใช้เฉพาะที่ไทยปีนี้ถือว่าไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝนเกิดขึ้นจากตัวแปรหลายอย่างไม่ใช้เฉพาะเอลนิโญอย่างเดียว
อยากให้ประชาชนอย่าเพิ่งวางใจ และควรจะใช้น้ำอย่างประหยัด เกษตรกรก็ควรวางแผนการเพาะปลูก การผลิตกันให้ถี่ถ้วน
นายภูเวียง กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อนลักษณะอากาศจะเอื้อต่อการเกิดอัคคีภัยและไฟป่าประชาชนจึงควรต้องระมัดระวังการใช้เชื้อเพลิงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะอากาศแห้ง เกิดไฟไหม้ได้ง่าย และหากเกิดไฟป่ามีการเผาไหม้เกิดขึ้นก็ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูร้อนอาจเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ โดยจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในบางแห่ง
อุณหภูมิสูงสุดทั่วประเทศ
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ในบางช่วง โดยจะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางวัน รวมทั้ง อาจมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกได้ในบางแห่ง อาจเจออุณหภูมิสูงร้อนจัด 40-43 องศาเซลเซียส ในพื้นที่ 29 จังหวัด ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี มุกดาหาร ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลางและภาคตะวันออก ร้อนจัดสูงสุด 40-42 องศาเซลเซียส ในพื้นที่ 16 จังหวัดได้แก่ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี ปทุมธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา
ส่วนภาคใต้ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 38-39 องศาเซลเซียส มีฝนตกบางวัน และในช่วงดือน เม.ย.นี้ ฝนจะเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง และอาจมีการก่อตัวของพายุไซโคลน
ขณะที่ กรุงเทพมหานคร คาดการณ์ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย โดยมีอุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส ช่วงปลายเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35-37 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
ส่วนช่วงเดือน เม.ย. ถึงกลาง พ.ค.นี้ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 36-38 องศาเซลเซียส ต่ำสุดเฉลี่ย 26-28 องศาเซลเซียส อากาศร้อนเกือบตลอดช่วง และมีฝนฟ้าคะนองในบางวัน โดยเฉพาะในเดือน พ.ค.นี้
"แม่ฮ่องสอน" แชมป์ร้อนสูงสุด 44.6 องศาฯ รอบ 67 ปี
ขณะที่ ข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสถิติอุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2494-2561 หรือกว่า 67 ปี พบจังหวัดที่ครองสถิติอุณหภูมิสูงสุด 10 จังหวัด ดังนี้
- จ.แม่ฮ่องสอน อุณหภูมิ 44.6 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2559
- จ.อุดรธานี อุณหภูมิ 43.9 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2503
- จ.นครสวรรค์ อุณหภูมิ 43.7 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2559
- จ.กาญจนบุรี อุณหภูมิ 43.5 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2501
- จ.ปราจีนบุรี อุณหภูมิ 42.9 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2533
- จ.หนองคาย อุณหภูมิ 42.8 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2535
- จ.ลพบุรี อุณหภูมิ 42.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2541
- จ.ประจวบคีรีขันธ์ อุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2559
- จ.อุตรดิตถ์ อุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2503
- จ.สุราษฎ์ธานี อุณหภูมิ 41.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2559
ข่าวที่เกี่ยวข้อง