ลดอำนาจรัฐ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน โดยยึดบุรีรัมย์โมเดล เป็นต้นแบบ คือ นโยบายที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศ ไว้ในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ซึ่งจัดขึ้นที่สนามช้างเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
ภาพชาวบุรีรัมย์หลายพันคนมารอรับฟังนโยบายของพรรคภูมิใจไทย คือความเหนี่ยวแน่นของฐานเสียงในพื้นที่ ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2554 พรรคภูมิใจไทยชนะการเลือกตั้งถึง 7 เขต เลือกตั้งจากทั้งหมด 9 เขต ส่วนอีก 2 เขตเป็นของพรรคเพื่อไทย
การเลือกตั้งครั้งนี้ จ.บุรีรัมย์ถูกลดจำนวนเขตเลือกตั้งจาก 9 เขตเลือกตั้งเหลือ 8 เขต มี ส.ส.ได้ 8 คน ทำให้การแข่งขันสูง และอาจทำให้เจ้าของพื้นที่เดิมถูกแบ่งคะแนน แต่ ผศ.สถาพร วิชัยรัมย์ รัฐประศาสนศาสตร์ ม.ราชภัฏบุรีรัมย์ ยังเชื่อว่าเจ้าของพื้นที่จากพรรคภูมิใจไทยจะยังรักษาที่นั่งเดิมของแต่ละเขตเอาไว้ได้
เลือกตั้งครั้งนี้ แชมป์เก่าน่าจะรักษาพื้นที่ไว้ได้ แต่บางส่วนผู้สมัครรายใหม่อาจได้คะแนนพอสมควร เนื่องจากครั้งนี้เป็นการชูตัวตนของนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคมากกว่า
ส่วนเขตที่มีการแข่งขันสูสี คือเขตเลือกตั้งที่ 2 เขตเลือกตั้งที่ 3 เขตเลือกตั้งที่ 4 และเขตเลือกตั้งที่ 6 เนื่องจากทั้ง 4 เขต มีผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยลงสมัครด้วย โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ที่ส่งอดีต ส.ส.อย่าง นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน แชมป์เก่า
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ส่งนายไตรเทพ งามกมล อดีตรองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ต้องจับตามองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ผลการเลือกตั้งจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ส่วนชาวบุรีรัมย์ ตื่นตัวในการออกมาใช้สิทธิ์
สาคร ปลื้มรัมย์ ชาวบุรีรัมย์ มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีตัวเลือกทั้งพรรคและผู้สมัครจำนวนมาก แต่สิ่งที่จะใช้ตัดสินใจในการเลือกคือผู้สมัครที่มีผลงานและดูแลคนในพื้นที่ได้จริง
มองไปที่นโยบายมากกว่าตัวบุคคล ถ้าพรรคไหนมีนโยบายที่ถูกใจและเป้นไปได้ก็น่าจะมีโอกาส แต่พรรคไหนที่มีผลงานมาก่อนก็จะดี เพราะชาวบ้านก็จะจำได้
การชูเมืองบุรีรัมย์ให้เป็นเมืองกีฬา และการท่องเที่ยว เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้คนบุรีรัมย์ ยังเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย เพื่อหวังรักษาฐานเสียงในพื้นที่ แต่ชาวบ้านในชนบทส่วนหนึ่งมองว่าการพัฒนาเมืองเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่ได้รับประโยชน์ จึงอยากให้มองเรื่องปัญหาปากท้อง และรัฐสวัสดิการ ซึ่งอาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ชาวบุรีรัมย์ตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคที่ตัวเองชื่นชอบ