สำนักข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า ภายหลังการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งของไทยลุล่วงไปได้กว่าร้อยละ 90 พรรคพลังประชารัฐที่ได้รับการหนุนหลังจากกองทัพ ได้คะแนนถึง 7 ล้านเสียง ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย 6.6 ล้านเสียงและพรรคอนาคตใหม่ 4.8 ล้านเสียง
พร้อมทั้งระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เปิดทางให้กองทัพมีอิทธิพลเหนือการเมืองพลเรือน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่พรรคการเมืองใดจะคว้าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง ขณะที่วุฒิสภาก็ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพ
อัลจาซีราห์ รายงานอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากพรรคพลังประชารัฐให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งความหวังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้กลับมามีอำนาจในฐานะผู้นำพลเรือน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามต่างมองว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรมและหลอกลวง เพราะธรรมนูญถูกร่างขึ้นเพื่อสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ
อัลจาซีราห์ยังสัมภาษณ์ความคิดเห็นนายเดวิด สเตรคฟัสส์ นักประวัติศาสตร์อิสระใน จ.ขอนแก่น ซึ่งระบุว่า การเลือกตั้งของไทยในครั้งนี้เอื้อต่อกองทัพ แต่ก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นคือการที่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ทำได้ดีอย่างมากในการเลือกตั้ง สร้างเค้าลางที่ดีให้กับการเมืองไทยในอนาคตไทย ส่วนนักวิชาการของไทยบางคนให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยภายใต้การเกาะกุมอำนาจของกองทัพ
ด้านสำนักข่าวเอพี รายงานว่า ภายหลังการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ อาจมีการเจรจาต่อรองระหว่างพรรคการเมืองไปอีกหลายสัปดาห์ ก่อนที่รัฐบาลผสมจะเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งน่าจะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ
ส่วนสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า การเลือกตั้งของไทยครั้งนี้สร้างความผิดหวังให้กับผู้ลงคะแนนจำนวนมาก ซึ่งตั้งความหวังว่าการเลือกตั้งจะช่วยให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของกองทัพที่ยังคงมีอำนาจครอบงำไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกลไกความไม่เสมอภาคสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ สเตรทส์ ไทมส์ รายงานว่า ยังไม่มีพรรคใดได้รับชัยชนะอย่างแน่ชัด เนื่องจากผลคะแนนที่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการ โดยพรรคเพื่อไทยยังคงครองที่นั่งได้มากที่สุดจากฐานเสียงความนิยมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ