อย.เตือนระวังถูกหลอกจ่ายเงินร่วมปลูกกัญชา

วันนี้ (13 พ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้จะเปิดแถลงข่าว "การลงทะเบียนการใช้กัญชาทางอินเทอร์เน็ต สำหรับผู้ป่วย ก่อนสิ้นวันนิรโทษกรรม ผลทางกฎหมายและทางออกของผู้ป่วยหลัง 21 พฤษภาคม 2562"

โดยหลังการแถลงข่าว สามารถเริ่มลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ตได้ที่ www.cdb.oss.org/ การลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ตครั้งนี้ ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาและครอบครองอยู่ รวมทั้งผู้ป่วยที่อาจมีความต้องการในอนาคต แม้ยังไม่มีใบรับรองแพทย์ชื่อโรคก็ลงทะเบียนได้ ซึ่งทั้งหมดต้องดำเนินการก่อนวันสิ้นสุดการขอนิรโทษกรรม 21 พ.ค.นี้

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุด้วยว่า การลงทะเบียนจะเป็นหลักฐานที่ทางการไม่สามารถรีบจับ-ปรับ หลังจากพ้นวันนิรโทษกรรม เพราะถือว่ามีความบริสุทธิ์ใจในการจดแจ้ง เมื่อลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ตแล้วสามารถมีช่วงเวลาปลอดภัยและค่อยดำเนินการตามกฎหมายในขั้นตอนสุดท้าย

อย.รับแจ้งครอบครองกัญชาถึง 21 พ.ค.นี้

สำหรับการลงทะเบียนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตดังกล่าว เป็นคนละส่วนกับการจดแจ้งอย่างเป็นทางการกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยในส่วนของ อย. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเวลาการรับแจ้งครอบครองฯ ในวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนต่างจังหวัดแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

โดยให้เตรียมเอกสารหลักฐาน ได้แก่ บัตรประชาชน เอกสารแจ้งการมีกัญชา เอกสารรับรองอาการเจ็บป่วยจากแพทย์และนำกัญชาที่ใช้รักษาไปด้วย หากมีปริมาณมากสามารถใช้รูปถ่ายได้ ส่วนขั้นตอนหลังครบกำหนด 90 วันจะเชิญสถานพยาบาลมาแจ้งขออนุญาตจำหน่ายยากัญชา เพื่อเตรียมระบบพื้นฐานเบื้องต้น

ส่วนกรณีที่มีการแชร์เรื่องการปลูกกัญชาในสื่อออนไลน์ โดยเป็นเอกสารเผยแพร่ที่ระบุให้แจ้งครอบครองภายในกำหนด และให้ประชาชนขอปลูกกัญชาได้ หรือกล่าวถึงโรคต่างๆ แล้วให้นำใบรับรองแพทย์ไปขอปลูกกัญชาเพื่อรักษาโรคนั้น

อย.ขอแจ้งให้ทราบว่า การรับแจ้งที่ อย. หรือ สสจ.ในขณะนี้ เป็นการแจ้งครอบครองกัญชาเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือใช้รักษาโรคเท่านั้น ไม่ใช่การอนุญาตให้ปลูกกัญชาแต่อย่างใด และขอย้ำว่าเกษตรกรรายย่อยไม่สามารถปลูกกัญชาได้ ต้องเป็นเกษตรกรที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายและร่วมดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐ

หรือกรณีที่มีโครงการร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์และยังต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานรัฐด้วย ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลวงดังกล่าว หากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วน อย. 1556 กด 3