ภารกิจเสี่ยงผู้พิทักษ์สัตว์ป่า "แก่งกระจาน"

สิ่งแวดล้อม
22 พ.ค. 62
19:32
2,358
Logo Thai PBS
ภารกิจเสี่ยงผู้พิทักษ์สัตว์ป่า "แก่งกระจาน"
ไทยพีบีเอส ติดตามชีวิตเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ต้องทำงานเสี่ยงกับกลุ่มพรานล่าสัตว์ป่า หลังมีหลักฐานกลุ่มติดอาวุธลอบเข้าพื้นที่ป่าตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ท่ามกลางภารกิจท้าทายที่ต้องปกป้องผืนป่า สัตว์หายากในป่าแห่งนี้

ไทยพีบีเอส ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ติดตามภารกิจผู้พิทักษ์ป่า ซึ่งจะมีความเสี่ยงขึ้นทุกขณะ หลังพบว่าผืนป่าแก่งกระจาน มีสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์มากขึ้นด้วยพื้นที่กว่า 1.8 ล้านไร่ กับกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีเพียง 100 กว่าคน การปกป้องผืนป่าจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รื้อถอนห้างที่นายพรานสร้างไว้เป็นจุดสำหรับการยิงสัตว์ บริเวณพื้นที่คอกช้าง รอยต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพื้นที่ทางการเกษตรใน ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีปัญหาการล่าสัตว์ป่ามากที่สุดแหล่งหนึ่ง 

 

 

อีกจุดคือแคมป์นก ใน ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีสัตว์ป่าชุกชุมเห็นได้จากกล้องดักถ่ายที่เจ้าหน้าที่นำไปติดตั้งไว้ สามารถบันทึกภาพ หมูป่า กวางเลียงผา หมี เสือดาว เสือดำ และเสือโคร่ง ที่เข้ามาหากินในพื้นที่ 

นายประพันธ์ จิตต์เธศ หัวหน้าชุดป้องกันปราบปรามอุทยานฯ แก่งกระจาน กล่าวว่า  ในช่วงเดือนหน้าแล้ง เจ้าหน้าที่ต้องเดินลัดเลาะลาดตระเวนพื้นที่ เนื่องจากสันเขาจะไม่มีน้ำ เราต้องสำรวจรู้แหล่งน้ำว่าแหล่งน้ำอยู่ตรงไหน เรารู้ว่าเวลานี้ พรานอยู่ตรงไหน จุดโป่ง เพราะพรานจะเข้ามายิงสัตว์ที่เข้ามากินโป่ง 

พรานจะเข้าแก่งกระจานช่วงหน้าแล้ง เพราะว่าน้ำแห้งหมด สัตว์จะเข้ามาตามหาน้ำ ทำให้พรานจำกัดพื้นที่ แต่ชุดลาดตระเวนต้องวางพิกัดในการเดิน และหลังเดินจะหารือแนวเส้นทางที่เดินไปแล้ว หาข่าว เพื่อป้องกันลักลอบล่าสัตว์

 


สัตว์ป่าที่เพิ่มขึ้น หลังป่ากลับมาสมบูรณ์ ทำให้ภารกิจพิทักษ์ผืนป่าของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เข้มข้นขึ้น เพื่อตามจับกลุ่มนายพราน หรือแม้แต่ผู้ลักลอบเข้าป่าเพื่อตัดไม้ โดยจะอาศัยพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำมากที่สุดเป็นจุดพักคอย

นอกจากสัตว์ป่าที่อาจทำร้ายได้แล้ว เจ้าหน้าที่ยังต้องระวังอาวุธที่นายพรานและผู้บุกรุกผืนป่านำมาใช้ก่อเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้อาวุธของเจ้าหน้าที่มีไม่มากพอ จนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ต้องจัดสรรปืนและเครื่องกระสุนให้เพียงพอกับการใช้งาน ทำให้พวกเขามั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น

เมื่อก่อนพรานจะใช้ลูกซองและปืนไทยประดิษฐ์ แต่ตอนนี้เจอ.22 ติดลำกล้อง ถ้าเป็นสมัยก่อนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ไหว เพราะมีลูกซองเก่าๆ มีลูกปืนแค่ 2-3 ลูก แต่ตอนนี้มีปืนประจำลูกซองออโต้ 8 นัดและให้ความมั่นใจกับเรามากขึ้น และการป้องกันปราบปรามมีผลสัมฤทธิ์ผลมากขึ้น


เพราะอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีเนื้อที่รวมกันกว่า 1 ล้าน 8 แสนไร่ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากกว่า 500 ชนิด แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเพียง 133 คน นี่คือภารกิจที่ท้าทาย อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

เฝ้าระวังกลุ่มติดอาวุธลอบเข้าป่าแก่งกระจาน


ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้องระมัดระวังมากขึ้น หลังกล้องดักถ่ายภาพ สามารถบันทึกภาพกลุ่มติดอาวุธ ลอบเข้าพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณทางตอนเหนือของหมู่บ้านห้วยสัตว์เล็ก รอยต่อระหว่าง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ห่างจากเขาพะเนินทุ่งไม่มากนัก

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ประสานให้ทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน ตรวจสอบกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้แล้ว เบื้องต้นทราบว่า เป็นชนกลุ่มน้อยซึ่งอาศัยอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนไทยและเมียนมา เดินทางลัดป่าจากเขตตะนาวศรี เข้ามาในฝั่งประเทศไทย และยังไม่แน่ชัดว่าเข้ามาในพื้นที่ป่าแก่งกระจานเพื่อล่าสัตว์หรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด


นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า เดิม 3 ปีก่อนมีการพบปัญหาลักลอบล่าสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ มีเพิงพักนับ 10 ปาง ที่เราปิดช่องทางไปแล้ว และลำห้วยแม่ประโดน ยังมีกระทิง และเพิงพักก็เริ่มหมดไป

ปีนี้มีลักลอบเข้ามาตามลำห้วยแนวตะเข็บ และมีชาวบ้านช่วยกันจับกุมและส่งมาให้อุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการเดินลาดตระเวนเข้มข้นทั้งตอนเหนือและประสานกับอุทยานอื่นๆ ป้องปรามคนที่จะเข้ามาในพื้นที่ 

 


หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนทุกคนระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีอาวุธสงครามครบมือ เกรงว่าหากเผชิญหน้าจะเกิดการปะทะกันขึ้น ซึ่งได้ประสานงานทั้งตำรวจและทหารให้ช่วยติดตามตัวแล้ว หากพบก็พร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่มีพฤติการณ์ล่าสัตว์ป่าอีกอย่างน้อย 18 คน ที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานติดตามอย่างใกล้ชิด โดยพักอาศัยอยู่ในอำเภอหนองหญ้าปล้อง 7 คน บ้านด่านโง ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน 2 คน  อ.ท่ายาง 4 คน และในต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5 คน ทั้งหมดเป็นพรานป่าอายุระหว่าง 40-50 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามลงพื้นที่ไปพบอยู่บ่อยครั้งเพื่อกดดันไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการล่าสัตว์





 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง