30 ปีไม่เคยพูดที่ไหน "ธรรมนัส" เปิดใจ "ผมเป็นเส้นเลือดใหญ่รัฐบาล"

การเมือง
12 ก.ค. 62
07:25
28,433
Logo Thai PBS
30 ปีไม่เคยพูดที่ไหน "ธรรมนัส" เปิดใจ "ผมเป็นเส้นเลือดใหญ่รัฐบาล"
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แถลงเปิดใจ ไม่ใช่มาเฟีย ไม่ได้ขนยาเสพติดเข้าออสเตรเลีย แค่คดีโอละพ่อ ยันเป็นความผิดลหุโทษไม่กระทบคุณสมบัติ ส.ส. ขู่ฟ้องกลับคนปล่อยข่าว เป็นฝ่ายตรงข้ามหวังตัดเส้นเลือดใหญ่เพื่อล้มรัฐบาล

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน โดยต้องรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบ่งงานให้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ละคนดูแลกรมใดบ้าง

สำหรับข้อกล่าวหาในเรื่องของกาค้ายาที่ถูกจับในประเทศออสเตรเลีย หรือในเรื่องที่เกิดขึ้นในไทยนั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า เรื่องที่เกิดในออสเตรเลีย ถือเป็นเรื่องโอละพ่อ ยืนยันว่า ไม่ใช่คนที่นำเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตยาเสพติด และไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายแต่อย่างใด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ช่วงเดือนเมษายน ตัวเองเดินทางไปเที่ยวนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยได้รับคำเชิญจากพี่คนหนึ่งที่ทำงานในหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ และต้องเดินทางไปราชการที่ออสเตรเลียเป็นระยะเวลา 1 เดือน จากนั้นตัวเองจึงเดินทางเข้าออสเตรเลียโดยถูกต้อง ผ่านการตรวจค้นทุกขั้นตอน ไม่เคยนำสิ่งของต้องห้ามอย่างที่สื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลจากสื่ออวตารที่พยายามโจมตี จึงเป็นเรื่องโอละพ่อ

 

 

ยันไม่ได้ค้ายาเสพติด

แต่ความโชคร้ายของผม คือ มีผู้กระทำความผิดที่ถูกจับในออสเตรเลีย อยู่ในสถานที่ที่ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย คนไทย 2 คน ถูกแจ้งข้อหารู้ว่ามีการค้ายาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ไม่ใช่ข้อหาค้ายาเสพติด ผลิตยาเสพติด หรือนำเข้ายาเสพติด ขณะต่อสู้คดีนั้น ผมเป็นคนไทยคนเดียวที่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาตลอด และถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน จนถูกปล่อยออกมาใช้ชีวิตตามปกติในนครซิดนีย์ 4 ปีเต็ม จากนั้นถูกส่งตัวกลับมาประเทศไทย เพราะนายกฯ เทศมนตรีนครซิดนีย์ ไม่ต้องการให้คนเอเชียที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อน และไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่งอยู่ ผมจึงถูกส่งตัวกลับมา แต่ไม่ได้มารับโทษ ไม่เกี่ยวกันเลย หลักฐานเหล่านี้สามารถไปตรวจสอบจากที่ศาลของประเทศออสเตรเลีย ในนครซิดนีย์ ได้ว่าสิ่งที่ผมพูดวันนี้เป็นความจริงหรือไม่ เป็นเรื่องโอละพ่อ คือ ตราบาปที่ผมไม่เคยพูดมาตลอด 30 ปี เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณปี 2535 หรือ 2536 มีบางคนโดยเฉพาะสื่ออวตารโจมตีว่าผมต้องกลับมารับโทษในประเทศไทย มันคนละเรื่องกัน

รู้ตัวคนปล่อยข่าว หวังล้มรัฐบาล

ขณะนี้ตัวเองทราบหมดแล้วว่า ใครอยู่เบื้องหลังความพยายามที่จะล้มผมให้ได้ เพราะสื่อมวลชนเองก็ทราบดีว่าผมเป็นกำลังหลักในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ โดยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและประสานงาน หากล้มผมได้รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะในหลาย ๆ พรรค ในหลาย ๆ ส่วนที่ผมประสานไว้ ถือเป็นความลับที่ตัวเองรู้เพียงคนเดียว โดยต้องปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการต่อไป ยืนยันคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนในพรรคพลังประชารัฐ

เขารู้ว่าผมเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล้มผม

ส่วนกรณีที่เคยถอดยศมาก่อนนั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้แสดงหนังสือการเลื่อนยศ โดยกล่าวว่า หนังสือฉบับนี้ลงวันที่ 1 มิ.ย.2541 หนังสือของกระทรวงกลาโหม เรื่องการเลื่อนยศให้นายทหารสัญญาบัตร ว่า ร.อ.ลำดับที่ 1 คือ ร.ท.พชร พรหมเผ่า ประเด็นนี้ชัดเจนผมได้รับเลื่อนยศเป็น ร.อ. เมื่อเดือน มิ.ย.2541 ไม่ใช่ผมใช้ยศ ร.อ.นำหน้า โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผมเชื่อว่าไม่มีใครมีหนังสือฉบับนี้ เพราะผมเก็บมา ซึ่งขณะนั้นใช่ชื่อว่า ร.ท.พชร พรหมเผ่า

 

 

นายให้มาจะทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนปรามาสว่า กระทรวงเกษตรฯ ยุคใหม่เป็นกระทรวงมาเพีย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คนเรานั้น อยากถามว่า สามารถทำอดีตให้เป็นปัจจุบันได้หรือไม่ แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ฝีมือ คือ ในอนาคตผมจะทำอะไรให้พี่น้องประชาชนและทดแทนคุณแผ่นดินจะทำอะไรให้เป็นรูปธรรรมได้บ้าง ส่วนนี้คือสาระสำคัญ ไม่ใช่เอะอะก็กล่าวหากันว่า มาเฟีย นักเลง คนใจนักเลงอย่างผม ลองให้ได้ทำงานดูก่อน หากทำไม่ได้เรื่องแล้วจะพิจารณาตัวเอง

ที่ผ่านมาพูดมาโดยตลอดว่า ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งใด ๆ เพราะหลังจากประสบความสำเร็จทางธุรกิจก็ทำงานเพื่อสังคมมาตลอด แต่ชาว จ.พะเยาให้ความไว้วางใจผม และในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคก็ได้รับปากประชาชนไว้มากมาย และ 17 จังหวัดภาคเหนือก็กาคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐอย่างล้นหลาม ได้ ส.ส.เขต 25 ที่นั่ง แต่เมื่อนายให้มาเป็นเราก็จะต้องทำให้ดีที่สุด และตระหนักให้หน้าที่ตัวเองที่จะต้องทำอะไรให้สังคมต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความมั่นใจว่ามีคุณสมบัติเหมาะเป็นรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ผมเป็นลูกชาวนา อยู่กับดินมา การเกษตรคือสิ่งที่อยู่กับดิน ดังนั้นจึงเข้าใจพื้นฐานของประชาชน ในอาชีพการเป็นเกษตรกรรู้ว่าปัญหาคืออะไร และอะไรคือสิ่งที่เกษตรกรต้องการ ผมคิดว่าตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

ย้ำไม่มีปัญหาคุณสมบัติ ส.ส.

ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมตั้งข้อสังเกตเรื่องคดีความต่าง ๆ จะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในเรื่องคดีความต่าง ๆ เรื่องต่างประเทศได้ชี้แจงไปแล้ว สำหรับประเทศไทย ผมไม่มีประวัติอาชญากรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้จะถูกกล่าวหาพาดพิง เป็นเรื่องปกติที่ผมมีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก เป็นคนกว้างขวาง เพื่อนฝูงเยอะ และเป็นคนใจกว้าง บางครั้งการคบคนนั้นคนนี้ไม่ได้กรอง ไม่ได้ไตร่ตรอง เมื่อเขานำภัยมาหาเรา จะไปโทษคนนั้นคนนี่ไม่ใช่วิถีผม วิถีผมคือการแก้ปัญหาให้จบด้วยตัวเอง ด้วยวิถีทางกระบวนการยุติธรรม ผมไม่เคยมีสิ่งใดค้างคาในศาล ผมได้ใช้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ตัวเองมาทุกเรื่องทุกสถานการณ์

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงลักษณะต้องห้าม ส.ส. ที่ต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุก พร้อมยกตัวอย่างต้องถูกดำเนินคดีในออสเตรเลียนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ผมไม่เคยละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ และชีวิตของผมผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทินมาหลายฉบับแล้ว เคยสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อกับพรรคการเองหนึ่ง หากไม่มีการรัฐประหารครั้งที่แล้วก็คงได้เป็น ส.ส.ทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่ทำไมถึงมีปัญหาในครั้งนี้ และไม่ถูกโจมตีอะไรเลย

เมื่อถามว่าคดีความที่ออสเตเลียแล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ออสเตรเลียไม่มีในกฎหมายไทย คือให้ผู้ถูกกล่าวหาไปลองตัดสิน หากพิ่งพอใจก็ให้รับ หากไม่พึ่งพอใจก็ให้ต่อสู้คดี กฎหมายบ้านเขาไม่เหมือนกฎหมายบ้านเรา และขอยืนยันว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งคดีนี้ศาลให้ลองมาพิจารณาว่ารู้ว่ามีการกระทำผิด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษในออสเตรเลีย เมื่อศาลให้ตัดสิน 4 ปี แต่พฤติกรรมของรูปคดี ซึ่งตอนนั้นถูกกันไว้เป็นพยาน ผมถูกจองจำ 8 เดือน และจากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติข้างนอก ทำงานเป็นผู้จัดการขายสุขภัณฑ์ แต่ภายหลังรัฐบาลออสเตรเลียไม่ต้องการก็ส่งกลับประเทศ โดยไม่มีคดีอะไรค้างคาใด และเดินทางกลับมาประเทศไทยไม่ใช่เป็นการมารับโทษ

เมื่อถามว่าเปิดเผยได้หรือไม่ว่าใครจ้องทำลาย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า รู้ตัวหมดแล้วแต่ขอปิดเป็นความลับ เพราะกำลังดำเนินคดีอยู่ และยืนยันว่าเป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายเพื่อที่จะล้มล้างรัฐบาล

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ผมไม่เข้าข่ายในคดียาเสพติด ไม่อยู่ในประเภทนี้เลย เป็นเรื่องของกฎหมายออสเตรเลีย ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับไทย ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว ผมไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่ต้องไปชี้แจง

 

 

ขู่ฟ้องกลับคนกล่าวหา

อยากฝากสื่อมวลชนไปศึกษาเรื่อง พ.ร.บ.ล้างมลทินปี 2550 จะตอบโจทย์เรื่องตนทั้งหมด โดยเฉพาะมาตรา 4 ให้ล้างมลทินแก่ผู้บรรดาต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธ.ค.50 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ให้ถือว่าผู้นั้นมิถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ ซึ่งถือว่าชัดเจนและไม่มีความผิด โดยที่เฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่าถูกปลดออกจากราชการข้อหาผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีที่ออสเตรเลีย

เมื่อถามว่าหากในอนาคตมีการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติจะหนักใจหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การตรวจสอบคุณสมบัติมีมาแล้วหลายขั้นตอน ตั้งแต่ลงสมัคร ส.ส. กว่าพี่น้องประชาชนจะเลือกตั้งผ่านมาหลายขั้นตอนแล้ว โดยเฉพาะกกต. และเรื่องของตนไม่ใช่กรณีศึกษาเรื่องแรก ผ่านหลายตัวอย่างและขั้นตอนมาแล้ว ซึ่งตนไม่กังวลอะไร แต่จะเป็นเพียงวาทกรรมที่มีการพูดกันของสื่อมวลชน โดยเฉพาะเพจอวตารอีกนาน แต่ผมหนักแน่นพอ ต้องรู้ตัวเองว่าชั่วหรือไม่ชั่ว สิ่งนี้สำคัญที่สุด จริยธรรมคือสิ่งที่อยู่ในใจเรา เรารู้ตัวเองว่าเราทำอะไรอยู่ และก็ไม่กังวลว่าใครจะมาตรวจสอบคุณสมบัติ

ผมไม่ได้ห้ามและก็ไม่กังวลว่าใครจะมาตรวจสอบคุณสมบัติ แต่หากใครจะมาตรวจสอบผมและสุดท้ายผมไม่มีความผิดคุณก็ต้องพร้อมที่จะถูกดำเนินดคี ซึ่งผมฟ้องกลับแน่นอน และจะเดินหน้าทำงานในฐานะรัฐมนตรี เพราะผมมาจากพี่น้องประชาชน โดยถูกโจมตีเรื่องดังกล่าวมาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองพะเยา ยืนยันเรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับนายกรัฐมนตรี แต่กว่าจะถึงขั้นตอนส่งชื่อ ครม.เพื่อกราบบังคมทูลก็ผ่านหลายขั้นตอนมาแล้ว

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง