วันนี้ (12 ก.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการขยายผลตรวจสอบปัญหาขยะอุตสาหกรรมที่ถูกทิ้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โซนซีแนวเขาซับพลู-เขาภูหีบ บริเวณท้ายหมู่บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว กันพื้นที่บริเวณกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะอุตสาหกรรม ที่ถูกนำไปกองรอการคัดแยกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โซนซี โดยห้ามเข้าพื้นที่เพราะเกรงผลกระทบจากสารพิษที่อาจตกค้าง
นายอนันต์ งอนชัยภูมิ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังใน ยืนยัน พร้อมขนย้ายกองขยะออกจากพื้นที่ทันที หากกระบวนการทางกฎหมายของตำรวจเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งมั่นใจว่าจะอยู่ในกรอบ 15 วันตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว
พร้อมกันนี้ ยังตรวจสอบข้อมูลที่มีการยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังในบางคนเกี่ยวข้องกับการขนขยะอิเล็กทรอนิกส์ และขยะอุตสาหกรรมเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งหากพบพัวพันถึงใครจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
เรื่องของที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ อบต.เกี่ยวข้องหรือไม่ กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ถ้าหากพบความผิดก็ต้องถูกดำเนินการตามระเบียบ
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังในยืนยันว่า ไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้าไปคัดแยกขยะที่หมู่บ้านหนองแก แต่ยอมรับว่ามีผู้ประกอบการยื่นเรื่องขออนุญาตจริง ซึ่งปฏิเสธไป เพราะทราบดีว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ไม่สามารถเข้าไปครอบครองหรือทำประโยชน์ได้
นอกจากนี้ยังอยู่ในกระบวนการเรียกร้องความเสียหายจากผู้ที่นำขยะมากำจัดในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกำลังดูระเบียบต่างๆว่ามีช่องทางไหนบ้าง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งสอบ "กำนัน" เอี่ยวขยะพิษ
จ่อแจ้งความเอาผิดคนขอเลขที่บ้านแต่เป็นแค่เพิงพัก
ส่วนกรณีการออกเลขที่บ้านนายอนันต์ อ้างว่า เป็นหน้าที่ของอำเภอวังน้ำเย็น ไม่เกี่ยวกับองค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังใน ซึ่งล่าสุดปลัดอำเภอวังน้ำเย็น ได้ตรวจสอบเอกสารการขอเลขที่บ้านแล้วพบว่า มีนายสาธิต ธูปทอง เป็นผู้ยื่นขอ โดยอ้างนำไปใช้สำหรับห้องแถว แต่กลับพบว่า เป็นเพียงเพิงพัก และอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองได้ จึงยกเลิกเลขที่บ้านแล้ว
และเตรียมจะแจ้งความกับตำรวจภูธรวังน้ำเย็น ให้ดำเนินคดีกับผู้ยื่นขอฐานแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จ และอยู่ระหว่างตรวจสอบกำนันในพื้นที่คนหนึ่ง เพราะมีการพาดพิงอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งจะเอาผิดด้วยหากมีหลักฐานเชื่อมโยงถึง
แจ้งความขยะพิษ อ.แปลงยาว หาย 900 ตัน
ตำรวจภูธรแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสองแห่งของบริษัท ดับบลิว เอ็มดี ไทยรีไซเคิ้ล จำกัด เลขที่ 33 และ 64 ในต.แปลงยาว อ.แปลงยาว หลังอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าแจ้งความว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ของโรงงานทั้ง 2 แห่งที่ถูกอายัดไว้หายไปจากโกดัง 1,900 ตัน จากการตรวจสอบพบว่าประตูโรงงานปิดสนิท ไม่มีผู้อยู่ภายในโรงงานทั้งสองแห่ง
เมื่อเดือนก.ค.2561 พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลขยะทั้ง 2 แห่ง มีนายหยาง เริ่น ปิ่น อายุ 44 ปี ชาวจีน ผู้จัดการโรงงาน พร้อมสั่งดำเนินคดีผู้บริหารของบริษัทเป็นชาวจีน 2 คน และคนไทย 1 คน
กระทั่งวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจสอบโรงงาน 2แห่ง พบว่าขยะที่อายัดไว้ภายในโรงงานเลขที่ 33 หายไป 1,000 ตันโรงงานเลขที่ 64 ฝั่งตรงข้ามหายไป 900 ตัน
พนักงานสอบสวน จึงออกหมายเรียก นาย หยาง เริ่นปิ่น ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่มาพบ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับภายในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายอำเภอแปลงยาว ตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลขยะของบริษัท ซุงส์ รีไซเคิ้ล จำกัดตำบลวังเย็น อ.แปลงยาว พบว่าขยะรีไซเคิ้ล 1,053 ตัน ถูกอายัดไว้หายไปจากโกดังทั้งหมดเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แกะรอยใบเบิกทางขยะพิษ จ.สระแก้ว
ขยายผลเส้นทาง "ขยะพิษ" จากระยองสู่สระแก้ว