วันนี้ (26 ก.ค.2562) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อุณหภูมิในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส พุ่งแตะ 42.6 องศาเซลเซียส สูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติ ซึ่งเป็นผลจากวิกฤตคลื่นความร้อนระลอกสองที่แผ่ปกคลุมยุโรป ทางการต้องประกาศเตือนภัยอากาศร้อนจัดระดับสีแดง ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ทั้งในพื้นที่ปารีสและอีก 19 เขต และคาดว่าอุณหภูมิในบางพื้นที่อาจพุ่งสูงระหว่าง 42-43 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ ยังเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินและทำงานอยู่ที่บ้านถ้าเป็นไปได้ ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน จากสาเหตุที่อาจเกี่ยวพันกับสภาพอากาศร้อนจัด ท่ามกลางความวิตกว่าจะเกิดวิกฤตคลื่นความร้อนเช่นเดียวกับเมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 15,000 คนทั่วฝรั่งเศส
"ชาวอังกฤษ-นักท่องเที่ยว" หนีร้อนไปพึ่งเย็น
ส่วนอังกฤษก็ร้อนจัดเช่นกัน โดยเมืองเคมบริดจ์เป็นบริเวณที่ร้อนที่สุดของประเทศ อุณหภูมิพุ่งแตะ 38.1 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติความร้อนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 36.7 องศาเซลเซียส สภาพอากาศร้อนจัด ยังทำให้สถานที่คลายร้อนทั่วกรุงลอนดอน ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ สระว่ายน้ำ และสวนสาธารณะเต็มไปด้วยชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ขณะที่การเดินทางสัญจรได้รับกระทบ โดยเฉพาะรถไฟ ซึ่งต้องแล่นด้วยความเร็วต่ำ เพื่อไม่ให้รางโก่งเนื่องจากความร้อน
นอกจากฝรั่งเศสและอังกฤษแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน รวมทั้งเบลเยี่ยม เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์