"ดีเอสไอ" เร่งรื้อ 10 คดี วัดพระธรรมกาย

อาชญากรรม
2 ส.ค. 62
15:16
2,644
Logo Thai PBS
"ดีเอสไอ" เร่งรื้อ 10 คดี วัดพระธรรมกาย
ดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม ติดตามคดีวัดพระธรรมกาย ซึ่งยังเหลือในมือดีเอสไออีก 10 คดี

วันนี้(2 ส.ค.2562) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำคดีวัดพระธรรมกาย ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี, ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และตัวแทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดปทุมธานี, ปลัดจังหวัดปทุมธานี รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี

ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมคดีวัดพระธรรมกาย

ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมคดีวัดพระธรรมกาย

ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมคดีวัดพระธรรมกาย

สำหรับประเด็นการประชุม มีทั้งการติดตามคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายและบุคคลของวัด รวมถึงบริบทของคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด กรณีที่มี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหารสหกรณ์ฯ กับพวก เป็นจำเลย กระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์และ/หรือฉ้อโกงประชาชน

โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน จำนวน 23 คดี ในกลุ่มนี้มีการสอบสวนเสร็จและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว จำนวน 12 คดี และมี 1 คดี ที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงได้ส่งสำนวนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.แล้ว โดยยังมีคดีฟอกเงินที่อยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 10 คดี

นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษยังดำเนินคดีกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ฯ จำนวน 27 ล้านบาทเศษ เป็นคดีพิเศษที่ 64/2557 อีกคดีหนึ่ง โดยคดีนี้ศาลอาญาพิพากษาจำคุกนายศุภชัย 13 ปี ขณะนี้นายศุภชัย ถูกจำคุกตามคำพิพากษาดังกล่าว

โดยรวมแล้วมีคดีที่สอบสวนดำเนินคดีโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งหมด 27 คดี สอบสวนเสร็จ 17 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 10 คดี

 

จุดเริ่มต้นการสืบสวน คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2556 มีกลุ่มสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้เข้าร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ สอบสวนดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตภายในสหกรณ์ฯ โดยกล่าวหา นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารสหกรณ์ฯกับพวก ว่ากระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์และ/หรือฉ้อโกงประชาชน ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ได้มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556 รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ โดยเป็นคดีพิเศษที่ 146/2556 คดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 13,000 ล้านบาท ทางคดีพนักงานอัยการได้ให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และยื่นฟ้องนายศุภชัย กับพวก ในความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง

ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา และเมื่อปี 2557 ในระหว่างที่สอบสวนคดีพิเศษที่ 146/2556 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ เข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายศุภชัย และผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ระหว่างปี 2549 - 2556 มีการตบแต่งบัญชีงบการเงินให้เห็นว่า สหกรณ์ฯ มีผลประกอบการดีจนได้รับรางวัลว่าเป็นสหกรณ์ดีเด่น จนทำให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและนำเงินเข้าฝากกับสหกรณ์เป็นจำนวนมาก ภายหลังมีการนำเงินออกจากสหกรณ์ไปโดยทุจริตดังที่สอบสวนพบ จึงแยกสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 63/2557 ซึ่งการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการเห็นพ้องกันว่า มีพยานหลักฐานพอฟ้อง โดยพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา

สืบเนื่องจากคดีดังกล่าว ในปี 2559 พนักงานอัยการผู้พิจารณาสำนวน ได้มีหนังสือแนะนำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญากับผู้ที่มีพฤติการณ์โอน รับโอน หรือได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดมูลฐาน แล้วปกปิด ซุกซ่อน เปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินในความผิดฐานฟอกเงินแยกต่างหาก จากคดีอาญามูลฐานเรื่องฉ้อโกงประชาชน

 

สำหรับกรณีของวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น เป็นคดีพิเศษที่ 27/2559 มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1,458 ล้านบาทเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2559

โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับพระธัมมชโย หรือ พระไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งหลบหนีไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม

การประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เป็นการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการข่าวเพื่อรับทราบสถานการณ์และบูรณาการข้อมูล รวมถึงหารือในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการยึด อายัด และจัดการของวัดพระธรรมกาย ตามคำสั่งของศาลแพ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีอาญาในเรื่องเดียวกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง