วันนี้ (8 ส.ค.2562) คณะกรรมการไทยเพื่อการจัดการประชุมอาเซียนภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ ในวาระประชาคมอาเซียนครบรอบปีที่ 52 สู่การเป็นประชาคมที่มุ่งประโยชน์ของประชาชน และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง สาระสำคัญในแถลงการณ์ระบุ เพื่อให้เจตนารมณ์ของการก่อตั้งประชาคมอาเซียนเป็นจริง ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญ 4 ข้อ คือ สถานการณ์ที่กระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน, สนับสนุนและใส่ใจต่อข้อเสนอจากการประชุมอาเซียนภาคประชาชน ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 12 ก.ย.2562
บรรจุการประชุมร่วมกันระหว่างผู้นำอาเซียนและภาคประชาสังคม เป็นวาระการประชุมอย่างเป็นทางการ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 2, ให้กลไกต่างๆ ของอาเซียน ยกระดับการมีส่วนร่วมของประชาสังคมในการกำหนดทิศทางนโยบาย เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้รับการส่งเสริมให้มีส่วนร่วม และได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง
แถลงการณ์ ประชาคมอาเซียน ครบรอบปีที่ 52
สู่การเป็นประชาคมที่มุ่งประโยชน์ของประชาชน (People Oriented)
และ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People Centered) อย่างแท้จริง
ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมไทยขอร่วมกับรัฐสมาชิกและประชาชนทั่วภูมิภาคเฉลิมฉลองโอกาสที่ประชาคมอาเซียนซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2510 ได้ครบรอบปีที่ 52 ด้วยความยินดียิ่ง
ตลอดระยะเวลา 52 ปี ประชาคมอาเซียนได้พัฒนาความมุ่งมั่นในอันที่จะรับผิดชอบร่วมกันในของรัฐสมาชิก โดยมีกฏบัตรอาเซียน (ASEAN CHARTER) ที่ได้รับการรับรองจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 13 ในเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่สิงคโปร์ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2551 รับรองเจตนารมณ์และหลักการสำคัญ อันได้แก่ การเสริมสร้างคุณค่าของสันติภาพในภูมิภาค (ตามความมุ่งประสงค์ ข้อที่ 1 ของกฎบัตรอาเซียน) ให้อาเซียนเป็นประชาคมที่เอื้ออาทรหรือร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน (Sharing) และเป็นประชาคมแห่งการแบ่งปันกัน (Caring) เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อเพิ่มพูนความเป็นอยู่ที่ดีและการดำรงชีวิตของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงการพัฒนามนุษย์ สวัสดิการสังคม และความยุติธรรม (ความมุ่งประสงค์ของอาเซียน ข้อที่ 11) ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People Centered) ทุกภาคส่วนของสังคมได้รับการส่งเสริมให้มีส่วนร่วม และได้รับผลประโยชน์ (ความมุ่งประสงค์ของอาเซียน ข้อที่ 13)
เพื่อให้เจตนารมณ์ดังกล่าวปรากฏเป็นจริง จำเป็นอย่างยิ่งที่อาเซียนและรัฐสมาชิกจะต้อง
- ให้ความใส่ใจ หาทางออกร่วมกันในปัญหา สถานการณ์ที่กระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อันได้แก่เรื่อง 1) สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และ การเข้าถึงความยุติธรรม (Human Rights, Democracy and Access to Justice) 2) การค้า การลงทุน และอำนาจของภาคธุรกิจ (Trade and Investment, Corporate Power ) 3) สันติภาพและความมั่นคง (Peace and Security 4) Migration) 4) การย้ายถิ่น การค้ามนุษย์ และ ผู้ลี้ภัย ( Migration, Trafficking and Refugees ) 5) งานที่มีคุณค่า สุขภาพ และ หลักประกันทางสังคม (Ecological Sustainability ) 6) ความยั่งยืนของระบบนิเวศน์ และ 7) นวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ ๆ และ สิทธิทางคอมพิวเตอร์ (Innovation, New and Emerging Technology and Digital Rights)
- ให้การสนับสนุนในทุกวิถีทาง และใส่ใจอย่างจริงจังต่อข้อเสนอที่เป็นผลสรุปจากการประชุมอาเซียนภาคประชาชน ประจำปี 2562 (ASEAN Civil Society Conference/ASEAN People’s Forum 2019 : ACSC/APF 2019) ซึ่งจะจัดประชุมในวันที่ 10-12 กันยายน 2562 นี้
- ให้มีการบรรจุการประชุมร่วมกันระหว่างผู้นำอาเซียนกับตัวแทนภาคประชาสังคม (Interface Meeting) เป็นวาระการประชุมอย่างเป็นทางการของการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่สอง ในช่วงปลายปี 2562 นี้ และ
- ให้กลไกต่าง ๆ ของอาเซียน ได้แก่ สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN SEC) คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก (ACWC) คณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยการปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานต่างด้าว (ACMW) และกระทรวงตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งเป็นจุดประสานงาน และสภาของประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community : APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และ ประชาคมสังคมวัฒนธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC) ในระดับประเทศของทุกรัฐสมาชิก ยกระดับการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคประชาสังคม ในการกำหนดทิศทางนโยบาย การปฏิบัติการ และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติการ
ด้วยความเชื่อมั่น
คณะกรรมการไทยเพื่อการจัดการประชุมอาเซียนภาคประชาชน
8 สิงหาคม 2562
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อาเซียนพิจารณาร่างเจรจาจัดทำ CoC ฉบับแรกสำเร็จ
"อาเซียน" ถกปมร้อนส่งตัวโรฮิงญากลับรัฐยะไข่-ข้อพิพาททะเลจีนใต้