เครือข่ายแร่ฯ ชี้ ยุทธศาสตร์แร่ 20 ปี ต้นเหตุอุ้มขังนักเคลื่อนไหว

สิ่งแวดล้อม
14 ส.ค. 62
18:40
521
Logo Thai PBS
เครือข่ายแร่ฯ ชี้ ยุทธศาสตร์แร่ 20 ปี ต้นเหตุอุ้มขังนักเคลื่อนไหว
"เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่" ออกแถลงการณ์ ระบุ ต้นเหตุความรุนแรงต่อ "นายเอกชัย อิสระทะ" คือ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี จี้รัฐยกเลิกเพิกถอนคำขอประทานบัตรเหมืองแร่หินและแหล่งหินอุตสาหกรรมใน จ.พัทลุง ปมกลุ่มอิทธิพลเกี่ยวข้องเหตุอุ้มขัง


วันนี้ (14 ส.ค.2562) เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ออก แถลงการณ์ กรณีเหตุรุนแรงต่อนายเอกชัย อิสระทะ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) โดยระบุ ต้นเหตุคือยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่ ที่นอกจากรัฐจะต้องเร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิด กรณีอุ้มขังนายเอกชัย มาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ยังเรียกร้องให้รัฐดำเนินการเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหารอบด้าน ด้วยข้อเสนอ 6 ข้อ คือ ยกเลิกยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี, ยกเลิกเพิกถอนคำขอประทานบัตรเหมืองแร่หินและแหล่งหินอุตสาหกรรม ในพื้นที่ จ.พัทลุง, จัดเวทีรับฟังความเห็นใหม่ และลงโทษเพิกถอน บริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด หากพบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการอุ้มขังนายเอกชัย ไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อม ก็ตาม

 

 

แถลงการณ์
ต้นเหตุความรุนแรงต่อนายเอกชัย อิสระทะ
คือยุทธศาสตร์และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่

จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อนายเอกชัย อิสระทะ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคใต้ ในวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพัทลุงเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอประทานบัตรที่ 1/2562 โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด ที่จัดขึ้น ณ มัสยิดอัสซอลีฮีน ม.4 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยในทันทีที่นายเอกชัยไปถึงสถานที่จัดเวทีฯ ก็ได้ถูกชายฉกรรจ์มากกว่าสิบคนขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมเวทีและยึดโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ บัตรประจำตัวประชาชน และบังคับควบคุมตัวออกจากสถานที่จัดงานนำไปกักขังไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง จนกระทั่งการจัดเวทีฯ เสร็จสิ้นจึงถูกปล่อยตัวออกมา โดยทำการลบข้อมูลทุกอย่างออกจากโทรศัพท์มือถือและกล้องหน้ารถ และข่มขู่ไม่ให้แจ้งความดำเนินคดีและห้ามยุ่งเกี่ยวกับการขอประทานบัตรทำเหมืองหินที่นี่อีก หากไม่ปฏิบัติตาม จะไม่รับรองความปลอดภัยของนายเอกชัยและครอบครัว


เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่เห็นว่าต้นเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อนายเอกชัย มีองค์ประกอบของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ ที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในกิจการเหมืองแร่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กล่าวคือ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 หรือกฎหมายแร่ฉบับใหม่บัญญัติให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ นโยบายและแผนแม่บทในการบริหารจัดการแร่ขึ้นมาโดยพื้นที่ที่จะกําหนดให้เป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทําเหมือง’ ต้องไม่ใช่พื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เขตโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เขตพื้นที่ที่มีกฎหมายห้ามการเข้าใช้ประโยชน์โดยเด็ดขาด พื้นที่เขตปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ หรือพื้นที่ ‘แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม’ แต่ในความเป็นจริงคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คนร.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่งได้จัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ. 2560 – 2564 ขึ้นมาโดยละเว้นให้พื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมและประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ที่ประกาศก่อนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ และที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดแหล่งหินอุตสาหกรรม (อุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง) ของกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว แต่ไม่สามารถประกาศได้ทันก่อนวันที่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ให้เป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ ทั้งหมด


ทั้งๆ ที่พื้นที่แหล่งหินฯตามมติ ครม. และประกาศฯ ดังกล่าวจำนวนมากล้วนเป็น ‘แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม’ ซึ่งควรถูกรื้อหรือปรับปรุงแก้ไขใหม่เพื่อยกเว้นหรือกันพื้นที่แหล่งหินฯที่เป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมออกไปจากการเป็นพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างตามมติ ครม. และประกาศฯดังกล่าวเสียก่อน


ด้วยเหตุนี้ การจัดทำเอกสารทางยุทธศาสตร์และแผนแม่บทฯที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายแร่ฉบับใหม่ของ คนร. ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ครม. เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ด้วยจึงถือว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงต่อนายเอกชัย เพราะคาดว่าเขาน้อยที่เป็นแหล่งหินตามคำขอประทานบัตรของบริษัทดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายเป็น ‘แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม’ ที่ต้องถูกกันออกจากการเป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ ที่ไม่สามารถนำไปขอประทานบัตรได้ด้วย


ซึ่งถ้าหากการจัดทำเอกสารทางยุทธศาสตร์และแผนแม่บทฯไม่ถูกบิดเบือนแต่สอดคล้องต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแร่ฉบับใหม่ก็จะทำให้เขาน้อยที่น่าจะเข้าข่ายเป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมถูกกันออกจากการเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองตามมาตรา ๑๗ วรรคสี่อย่างแน่นอน และบริษัทดังกล่าวก็จะไม่สามารถนำเขาน้อยมาดำเนินการขอประทานบัตรได้ และเมื่อไม่สามารถนำเขาน้อยมาดำเนินการขอประทานบัตรได้ก็จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นกับเอกชัยอย่างแน่นอนตามไปด้วย


ด้วยสาเหตุที่กล่าวมา นอกจากรัฐจะต้องเร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดที่ก่อเหตุความรุนแรงด้วยการอุ้มขังนายเอกชัยมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจสุ่มเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตนายเอกชัย อิสระทะแล้ว เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ขอเรียกร้องให้รัฐดำเนินการเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหารอบด้าน ดังนี้


1. ให้ยกเลิกยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ. 2560 – 2564 ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 และให้จัดทำขึ้นใหม่โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างทั่วถึงและรอบด้าน โดยต้องยกเว้นหรือกันพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมและประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ที่ประกาศก่อนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ และที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดแหล่งหินอุตสาหกรรม (อุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง) ของกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว แต่ไม่สามารถประกาศได้ทันก่อนวันที่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ที่เข้าข่ายเป็น ‘แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม’ ที่ไม่สามารถนำไปขอประทานบัตรเพื่อทำเหมืองได้ออกจาก ‘เขตแหล่งเพื่อการทำเหมือง’ ให้ชัดเจน


2. ขอให้ยกเลิกเพิกถอนคำขอประทานบัตรที่ 1/2562 เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด เนื้อที่ 67 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โทษฐานที่จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นฝ่าฝืนกฎหมายแร่ฉบับใหม่และกฎหมายอื่น ๆ ที่ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วยการมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับการจ้างวานกลุ่มบุคคลให้ก่อเหตุความรุนแรงต่อนายเอกชัย อิสระทะ


3. ให้ยกเลิกเพิกถอนเขาน้อยในเขตท้องที่ ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ที่เป็นแหล่งหินตามคำขอประทานบัตรที่ 1/2562 ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด ออกจากการเป็นพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีและประกาศฯ ดังกล่าว เพราะเข้าข่ายเป็น ‘แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม’ ที่ไม่สามารถนำไปขอประทานบัตรเพื่อทำเหมืองได้


4. ให้การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพัทลุงเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอประทานบัตรที่ 1/2562 โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด ที่จัดขึ้น ณ มัสยิดอัสซอลีฮีน ม.4 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เป็นโมฆะ เนื่องจากไม่เป็นไปตามแนวทางการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นตามกฎหมายแร่และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพราะมีการขัดขวางไม่ให้คนเห็นต่างเข้าร่วมเวที และเห็นได้ชัดว่าการจัดเวทีไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียไม่มีโอกาสได้ร่วมเวที ไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น


5. ให้ทำการลงโทษและเพิกถอนบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด ออกจากการเป็นบริษัท หรือห้ามไม่ให้บริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด (หรือบริษัทแปลงโฉมมาในชื่ออื่นแต่เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการจากบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด) ดำเนินกิจการการขออาชญาบัตรเพื่อขอสำรวจแร่และขอประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ใด ๆ อีกในอาณาเขตประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับการจ้างวานกลุ่มบุคคลให้ก่อเหตุความรุนแรงต่อนายเอกชัย อิสระทะ


6. ให้ถอนสมาชิกภาพจากสภาวิศวกรของผู้บริหารบริษัท​ สิงห์ศิลาทอง​ จำกัด​ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับการจ้างวานกลุ่มบุคคลให้ก่อเหตุความรุนแรงต่อนายเอกชัย​ อิสระทะ

 

ด้วยความเคารพ
เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่
14 สิงหาคม 2562

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"กป.อพช.ใต้" ขอตำรวจเร่งจับกลุ่มอิทธิพล อุ้มขังแกนนำค้านเหมืองแร่หิน

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง