วันนี้ (20 ส.ค.2562) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาประชุมยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐเป็นครั้งแรก โดยมีแกนนำพรรค เช่น นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าร่วมประชุม ท่ามกลาง ส.ส.ของพรรค ที่ตั้งแถวมอบดอกไม้ ต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ขณะที่ พล.อ.ประวิตรได้ทักทายและหยอกล้อ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวต้อนรับ พล.อ.ประวิตรว่า เป็นโอกาสพิเศษอย่างยิ่งที่พรรคพลังประชารัฐได้รับเกียรติต้อนรับ พล.อ.ประวิตรเป็นสมาชิกพรรคอย่างเต็มตัว และได้รับตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งทำให้พรรคอุ่นใจขึ้นเมื่อมี พล.อ.ประวิตร ได้มาทำงานร่วมกันและจะมาให้ข้อเสนอแนะต่าง ๆ
ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะกล่าวกับกรรมการบริหารและ ส.ส.ของพรรค ได้ถูกช่างภาพสื่อมวลชนจำนวนมากรุมบันทึกภาพบริเวณหน้าเวที จน พล.อ.ประวิตรได้ขอให้สื่อเปิดทางเพื่อจะขอเห็นหน้า ส.ส.ให้ชัดเจน โดยระบุว่า
เมื่อได้เห็นหน้า ส.ส.ของพรรคแล้วรู้สึกใจชื้น
พล.อ.ประวิตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการประชุมร่วมกับ ส.ส.พรรคครั้งแรก โดยระบุว่า ยังไม่ได้มีการปรับยุทธศาสตร์ของพรรคในเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่ถือว่ามาเป็นนักการเมืองเต็มตัวและจะใช้ประสบการณ์ที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองตลอด 50 ปี มาช่วยงานพรรค โดยต้องการเสริมสร้างให้พรรคเกิดความเข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียวและเป็นหลักให้กับประเทศ พร้อมย้ำถึงการทำงาน ส.ส.ทุกคนว่าจะต้องทำงานในสภาฯ ที่เปรียบเหมือนบ้านให้ดีที่สุด
พร้อมมั่นใจว่า รัฐบาลนี้จะต้องอยู่ครบวาระ 4 ปี และพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องร่วมมือร่วมใจกันเดินหน้าการทำงานเนื่องจากไม่ได้ทำงานเพียงพรรคเดียว โดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธถึงการพูดคุยกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ในการเข้าร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่เชื่อว่าสามารถพูดคุยกันได้
พลเอกประวิตร ยังไม่ได้แสดงความกังวลถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือข้อครหาใดๆ ในการเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ และย้ำว่า ไม่ได้ชักชวนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์ จะตัดสินใจเองไม่สามารถตอบแทน เพราะไม่ใช่พลเอกประยุทธ์
ขณะเดียวกันก่อนที่พลเอกประวิตร จะเดินทางเข้าร่วมประชุมมอบแนวทางการทำงานนั้น ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้ชี้แจงกรณีคลิปการเผชิญหน้ากับตำรวจที่จังหวัดภูเก็ต โดยนายสิระ ย้ำว่า มีเจตนาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ได้ต้องการให้เกิดปัญหา ความขัดแย้ง รวมทั้งได้ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ต้องขอโทษสังคมที่ทำให้เกิดภาพที่ไม่เหมาะสม