ครั้งแรกยึด “โคเคน” เข้าทางชายแดนภาคเหนือ

วันนี้ (22 ส.ค.2562) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบถึงกรณีดังกล่าวกับนายมานิต โกเมศ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ขั้นตอนการตรวจสอบยาเสพติดที่จับได้จากภาคสนามไม่ได้ตรวจสอบยาเสพติดผิดพลาด แต่ด้วยชุดตรวจที่มีอยู่ในภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะมีเพียงการตรวจหาสารเสพติดเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นยาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดจำนวนมากในพื้นที่

แต่เมื่อนำไปตรวจในชุดตรวจเบื้องต้น ยาเสพติดที่ยึดได้แสดงผลว่าเป็นยาเสพติดโดยขึ้น “สีน้ำตาลอ่อน” ทำให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าเป็นตัวยาเมทแอมเฟตามีน แต่ตามกฎหมายแล้วก็จะต้องนำของกลางส่งตรวจยืนยันผลอีกครั้งที่ห้องปฏิบัติการ และเมื่อวานนี้ (21 ส.ค. 62) ได้ส่งของกลางตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 จ.ลำปาง แล้ว ผลตรวจพบว่ายาเสพติดดังกล่าวให้ผล “สีฟ้า” คือ ยาเสพติดประเภทโคเคน ทำให้พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาใหม่ ในความผิด นำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 เพื่อจำหน่าย

ผลตรวจเบื้องต้นพบเป็น "เมทแอมเฟตามีน"

ผลตรวจที่ศพฐ.5 พบเป็น "โคเคน"

เหตุที่ผลตรวจไม่ตรงกัน

นายมานิต ยืนยันว่า ที่ผลการตรวจยาเสพติดทั้งสองครั้งไม่ตรงกัน เกิดจากอุปกรณ์การตรวจในที่เกิดเหตุนั้น ไม่มีน้ำยาตรวจสอบโคเคน เพราะด้วยยังไม่เคยพบยาเสพติดประเภทนี้ในพื้นที่มาก่อน แต่ผลการตรวจสอบก็แสดงผลเป็นยาเสพติดจริง จึงดำเนินคดีกับผู้ต้องหา พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เกิดความผิดพลาดในการตรวจ

นายมานิต โกเมศ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ป.ป.ส.

พบเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงมาทางบกมากขึ้น

นายมานิต ยังเห็นว่า ปกติแล้วการลำเลียงยาเสพติดประเภทโคเคน ส่วนใหญ่จะสามารถตรวจจับได้จากผู้ต้องหาสัญชาติในแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยส่วนใหญ่จะโดยสารเครื่องบินมาลงที่ประเทศไทย และจะซุกซ่อนโคเคนมาตามร่างกาย หรือเสื้อผ้า แต่หลังจากที่ตำรวจและสำนักงาน ป.ป.ส. สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในรูปแบบดังกล่าวก็ทำให้กลุ่มผู้ลำเลียงเปลี่ยนวิธีการไปมากขึ้น

วิธีการซุกซ่อนลำเลียงยาเสพติดของผู้ต้องหารายนี้ ไม่ได้เป็นวิธีแบบใหม่ แต่นัยยะสำคัญของการขนส่งยาเสพติดประเภทโคเคน ที่นำเข้ามาทางชายแดนภาคเหนือนั้น ถือว่าเป็นครั้งแรก ซึ่งเดิมมักจะเข้ามาทาง จ.สระแก้ว เป็นส่วนใหญ่ นั่นอาจหมายถึงผู้ต้องหาเปลี่ยนวิธีการลำเลียงไปทางอื่นมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการนำเข้ามาทางท่าอากาศยานแล้ว

สำหรับโคเคน ปัจจุบันยังถือว่าเป็นยาเสพติดที่ไม่ได้แพร่ระบาดมากนัก ด้วยความต้องการของยาเสพติดประเภทนี้อยู่ในกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทย และตามสถานบันเทิงต่างๆ และด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง กรัมละประมาณ 3,000 บาท ทำให้กลุ่มคนไทยยังคงไม่เข้าถึงยาเสพติดประเภทนี้มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นยาเสพติดที่ต้องจับตามอง เพราะเฉพาะปีงบประมาณ 2562 (1 ต.ค.61–31 ก.ค.62) ยึดโคเคนได้แล้ว 32.940 กก. จับผู้ต้องหาได้ 47 คน