กรณีมีผู้บุกรุกเผาป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา โดยเข้ารังวัด ไถหน้าดินพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หลังชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ขึ้นบินติดตามสถานการณ์ไฟป่าช่วงที่ผ่านมาจนพบความผิดปกติ
วันนี้ (30 ส.ค.2562) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จะลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายทุนหรือผู้มีอิทธิพล หากเข้าไปในเขตป่าพรุเพื่อทำประโยชน์จะไม่ยอมเด็ดขาด
หลังจากไฟป่าพรุดับสนิทแล้ว จะลงไปตรวจสอบพื้นที่ และเร่งปลูกไม้ในเขตป่า เพื่อฟื้นฟูให้ป่าที่ถูกเผาและบุกรุกกลับคืนสภาพ
นายวราวุธกล่าวว่า เบื้องต้นให้กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมกล้าไม้ที่เหมาะสมกับป่าพรุควนเคร็ง เข้าฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม โดยจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าเพื่อเปลี่ยนป่าให้เป็นรูปแบบอื่น ที่สำคัญต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุด
นอกจากนี้เตรียมแผนจะอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านทั่วประเทศ (ทสม.) เข้ามาช่วยฟื้นฟูและปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เที่ยวแรก! ทอ.ส่ง BT-67 โปรยสารดับไฟป่าพรุควนเคร็ง
จับนายทุนเผาพรุควนเคร็งฮุบป่า
ทางด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า หลังจากนายวราวุธ กำชับเรื่องการควบคุมพื้นที่ไฟไหม้ป่าพรุ ไม่ให้เกิดปัญหาบุกรุก ทางกรมป่าไม้กำหนดแผนบังคับใช้กฎหมาย และทำงานร่วมกับกองปราบปราม และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากต้องตรวจสอบกลุ่มทุนที่เข้าบุกรุกป่าพรุควนเคร็งในเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.เชียรใหญ่ อย่างละเอียด เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับนายทุนที่เข้าไปรังวัดป่าพรุควนเคร็ง เพื่อทำประโยชน์แล้ว 4 คดี และมีแปลงต้องสงสัยอีก 43 จุด อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีอีกหลายราย
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนายทุนที่อยู่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ถูกบุกรุกไปแล้ว 7,000-8,000 ไร่ จากพื้นที่ป่าทั้งหมด 230,000 ไร่ โดยจะมีการแปลภาพถ่ายดาวเทียมสำรวจอย่างละเอียด
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า จะมีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่เสียหายทั้งหมดด้วย 2 แผน คือ แผนควบคุมพื้นที่บังคับใช้กฎหมาย และแผนปลูกป่าฟื้นฟู โดยเฉพาะจุดที่ถูกบุกรุกจะเข้าไปถมที่และปรับหน้าดินให้กลับมาปลูกป่าที่เน้นปลูกไม้พื้นถิ่นที่มีความคงทนและรอดเติบโตในอนาคต
ส่วนแนวทางการป้องกันไม่ให้ถูกบุกรุกอีกด้วยการทำขอบเขตแนวป่ารังวัดที่ชัดเจน หากบุกรุกจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่นเดียวกับแนวขอบติดกับเขตป่าจะสำรวจรังวัดอย่างละเอียดว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ที่มา:กรมป่าไม้
ที่มา:กรมป่าไม้
นอกจากควบคุมพื้นที่ไฟไหม้แล้ว ต้องสแกนพื้นที่รอยต่อที่ไปใช้ประโยชน์ตามแนวว่าครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะยึดตามคำสั่งคสช.ก่อนปี 2557 และบินสำรวจตามที่กำหนดเป้าหมาย 43 จุดในเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ และเชียรใหญ่ และถมคลองที่ขุดไว้ทุกจุด
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช มีกลุ่มบุคคลเข้าไปรังวัดจัดแบ่งพื้นที่ป่าพรุที่ถูกไฟไหม้เนื้อที่ ซึ่งมีการจัดแบ่งเป็นล็อกละประมาณ 30 ไร่ และนำเสาปูนสูง 1.5 เมตรไปปักเป็นแนวเขตแดนพื้นที่แต่ละเป็นสัญลักษณ์ในการจับจองพื้นที่ จนกระทั่งกรมป่าไม้ ลงไปตรวจสอบพื้นที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งผันน้ำเข้าป่าพรุควนเคร็ง ป้องกันไฟไหม้ซ้ำ
วอดทั้งหลัง! ขอเฮลิคอปเตอร์-ท่อพญานาคช่วยดับไฟพรุควนเคร็ง