ฟ้อง "สันธนะ" หมิ่นประมาท หลังยื่นเรื่องสกัดเลื่อนตำแหน่ง

อาชญากรรม
3 ก.ย. 62
12:01
1,286
Logo Thai PBS
ฟ้อง "สันธนะ" หมิ่นประมาท หลังยื่นเรื่องสกัดเลื่อนตำแหน่ง
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมยื่นฟ้อง "สันธนะ" หลังยื่นเรื่องสำนักนายกฯ ระงับเลื่อนตำแหน่ง ชี้เปิดข้อมูลเดิมเข้าข่ายหมิ่นประมาท

วันนี้ (3 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมยื่นฟ้องหมิ่นประมาท นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ที่ไปยื่นร้องทุกข์ต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีการพาดพิงอ้างว่า พล.ต.ท.สุวัฒน์ เคยเรียกรับเงิน 13 ล้านบาท จากบ่อนพนัน

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) มีการเผยแพร่ข่าวว่า นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ไปยื่นเรื่องร้องทุกข์ คัดค้าน และขอให้ทบทวนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งเป็น "รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ของ พล.ต.ท.สุวัฒน์ พร้อมมีการอ้างถึงเรื่องที่ พล.ต.ท.สุวัฒน์ เคยมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากบ่อนพนันในสมัยที่เป็นผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 รวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท และขอให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ รอฟังผลการพิจารณาคดีจากสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนการพิจารณาแต่งตั้งในตำแหน่งดังกล่าว

พล.ต.ท.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ทราบเรื่องนี้จากสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีนายสันธนะในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมชี้แจงว่าที่มาของเรื่องนี้เริ่มจากเหตุการณ์เมื่อปี 2546 ซึ่งขณะนั้นพบว่านายสันธนะ สมัยที่ยังเป็นตำรวจสันติบาล มาเปิดบ่อนพนันในพื้นที่ สน.บางกอกน้อย และถูกจับกุม ซึ่งเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวโด่งดังในอดีต ขณะนั้นได้ทำเรื่องรายงานเสนอผู้บังคับบัญชาไปตามขั้นตอนปกติ จนมีคำสั่งให้นายสันธนะออกจากราชการ ต่อมานายสันธนะให้ข่าวกับสื่อมวลชนอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งจากตน และมีการฟ้องร้องคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาท

ทั้งนี้ ในชั้นไต่สวน นายสันธนะได้ขอให้ตนแสดงบัญชีธนาคาร ย้อนหลังไป 2-3 ปี ก่อนที่จะรับตำแหน่งผู้กำกับการสืบสวนนครบาล 7 ซึ่งทนายความพยายามชี้ให้เห็นว่าเงินที่เข้าออกทุกบัญชีรวมกันมียอดเงินกว่า 10 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้จากบ่อนพนัน ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าเงินที่ได้มานั้นเกิดจากการประกอบธุรกิจ ซึ่งสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ทั้งหมด และยอดเงินที่อยู่ในบัญชีจริงๆ แค่หลักแสนบาทเท่านั้น โดยที่ไม่มีการพูดถึงเรื่องบัญชีที่เป็นหนี้กับธนาคาร สุดท้ายศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก แต่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง

ส่วนในกรณีที่มีการยื่นฟ้องเรื่องดังกล่าว คาดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ปรากฏมีข่าวว่าตนจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงมีการเสนอเรื่องร้องเรียน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วก็พร้อมให้มีการตรวจสอบ แต่เรื่องที่ถูกพาดพิงโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็เห็นควรต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระบุ "สันธนะ" ร้องนายกฯ หวังทำลายชื่อเสียง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง