วันนี้ (3 ก.ย.2562) นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และประธานอนุกรรมาธิการด้านข้าว แถลงข่าวเรื่องการศึกษาปัญหาราคาข้าวเหนียวตกต่ำว่า จากการเชิญตัวแทนจากกรมการค้าภายใน และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกรรมการสมาคมผู้ส่งออก และนายกสมาคมโรงสี มาให้ข้อมูล พบว่าจำนวนข้าวในแต่ละจังหวัดมีประมาณ 42,000 ตัน แต่ข้อมูลยังไม่ตรงกับสมาคมโรงสีที่ตรวจสอบพบว่ามีข้าวประมาณ 50,000 ตันข้าวสาร และเป็นข้าวสารติดโรงสีที่ไม่สามารถจำหน่ายเพื่อบริโภคแบบข้าวชั้น 1 ได้ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบตัวเลขให้ถูกต้องอีกครั้ง
ขณะที่ในการแก้ปัญหานั้น กรมการค้าภายในชี้แจงว่าเมื่อรวบรวมข้อมูลแล้วเสร็จ หากสามารถนำข้าวส่วนใดมาจัดทำข้าวถุงเพื่อจำหน่วยให้ผู้บริโภคได้ ก็จะรีบเร่งดำเนินการต่อไป ส่วนข้าวที่เคยมีผสมในพื้นที่ จ.ปทุมธานี กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่ายังมีการดำเนินการผสมข้าวจากผู้ประกอบการอยู่หรือไม่ หากยังมีการดำเนินการ จะถือว่ากระทำผิดกฎหมายที่มีการปลอมปนข้าวเหนียว และกำลังตรวจสอบแหล่งที่มาของข้าวที่ปลอมปน ซึ่งหากสกัดการลักลอบน้ำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านก็จะดี โดยรัฐบาลต้องดูแลในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนกรณีการควบคุมราคา นายอุบลศักดิ์ กล่าวยอมรับว่าในข้อเท็จจริงเมื่อข้าวมากก็ราคาถูก เมื่อข้าวน้อยราคาแพง แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าปีนี้ข้าวน้อย และการควบคุมในกติกา กรมการค้าภายในต้องกำหนดราคาที่เป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้อ้างอิงถึงพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวเหนียวมากในภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เกิดปัญหาฝนแล้ง ทำให้ข้าวเหนียวขาดตลาด ซึ่งในปีนึงผลผลิตการปลูกข้าวเหนียวของไทย 6-7 ล้านตันข้าวเปลือก หรือราว 3 ล้านตันข้าวสาร และในปีนึงส่งออกข้าวเหนียว 2 แสนตันข้าวสาร ส่วนการบริโภคในประเทศ 2 ล้านตันข้าวสาร