เครือข่ายกะเหรี่ยงฯ จี้รัฐบาลออก กม.คุ้มครองนักสิทธิมนุษยชน

อาชญากรรม
4 ก.ย. 62
11:15
1,482
Logo Thai PBS
เครือข่ายกะเหรี่ยงฯ จี้รัฐบาลออก กม.คุ้มครองนักสิทธิมนุษยชน
เครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเล ออกแถลงการณ์ จี้ รัฐบาลเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิด คดี "บิลลี่" มาลงโทษ สร้างความเป็นธรรม คุ้มครองความปลอดภัย และเยียวยาครอบครัวบิลลี่

วันนี้ (4 ก.ย.2562) เครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเลในประเทศไทย ออกแฉลงการณ์ กรณีการเสียชีวิตของบิลลี่ “นายพอละจี รักจงเจริญ” โดยระบุว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และองค์กรที่เป็นคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้ร่วมกันแถลงข่าว เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562 ยืนยันว่า สารพันธุกรรมชิ้นส่วนกระดูกที่พบใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน ตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่ถูกอุ้มหายไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ “นายพอละจี รักจงเจริญ” หรือ “บิลลี่” ที่เสียชีวิตแล้ว โดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้เสียชีวิต แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี อีกทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษยังได้ชี้ว่า พฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่กระทำผิดครั้งนี้เข้าข่ายลักษณะเป็นการฆาตกรรมโดยทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ

 

เครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเลในประเทศไทย ซึ่งได้มาร่วมประชุมเพื่อผลักดันมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 และ 2 มิถุนายน 2553 ให้มีผลในเชิงปฏิบัติเพื่อปกป้องและคุ้มครองวิถีชีวิตของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย ขอแสดงข้อเรียกร้องต่อกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้

1. ขอชมเชยและเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และองค์กรที่เป็นคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่ทุ่มเทการทำงานด้วยความมานะพยายามจนสามารถชี้วัตถุพยานหลักฐานสำคัญประกอบการสอบสวนในคดีอุ้มหาย “นายพอละจี รักจงเจริญ” หรือ “บิลลี่” อันจะมาซึ่งการคืนความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัวและชุมชน รวมถึงเครือข่ายกะเหรี่ยงและทุกกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้รับธรรมทั้งถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายกรณีและถูกลิดรอนสิทธิด้านต่าง ๆ

 

2.จากความคืบหน้าอันเกิดจากพยานหลักฐานชิ้นสำคัญดังกล่าว ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งรัดดำเนินการนำเอาตัวผู้กระทำผิดและผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษโดยเร่งด่วน และเร่งให้เร่งดำเนินคดีกรณีการวางเพลิงเผาทรัพย์ชุมชนบ้านใจแผ่นดิน-บางกลอยบนกว่า 100 หลัง รวมทั้งบ้านปู่คออี้ ซึ่งไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใด ๆ เลย

3.เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 และ 2 มิถุนายน 2553 ในคุ้มครองวิถีชีวิตกะเหรี่ยงและชาวเลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดกรณีสิทธิชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมบ้านใจแผ่นดิน-บางกลอยบน ซึ่งบิลลี่ เป็นผู้ประสานงานในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจนได้รับชัยชนะในคดีศาลปกครองสูงสุด

 

4.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลมีกฎหมายคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการออกกฎหมายว่าด้วยการกระทำทรมานและการบังคับให้หายสาบสูญ ตามหลักสากลของสหประชาชาติว่าด้วย อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับซึ่งรัฐบาลไทยได้ลงนามแล้ว เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2555 แต่ยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีจึงไม่มีสภาพบังคับอย่างใด

ทั้งนี้ เครือข่ายกะเหรี่ยงและชาวเลในประเทศไทยจะได้ติดตามความคืบหน้ากรณี “บิลลี่” ถูกอุ้มหายจนพบหลักฐานสำคัญว่าได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างโหดเหี้ยม ให้ได้รับเป็นความธรรมโดยเร่งด่วน ทั้งการนำคนผิดมาลงโทษ การเยียวยาครอบครัวและออกกฎหมายคุ้มครองนักปกป้องสิทธิให้เกิดขึ้นโดยเร็วต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอมเนสตี้ย้ำคนเกี่ยวข้องการเสียชีวิต "บิลลี่" ต้องได้รับโทษ

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเร่งติดตามผู้กระทำผิดคดี "บิลลี่"

"ดีเอสไอ" ชี้ชัด "บิลลี่" ตาย - หลักฐานถูกเผา

สรุป! "บิลลี่" กับคดีเสียชีวิตปริศนา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง