หลอกลงทุนเหรียญดิจิทัล "วันคอยน์" แลกเบนซ์-บ้านเดี่ยว

อาชญากรรม
5 ก.ย. 62
10:57
9,834
Logo Thai PBS
หลอกลงทุนเหรียญดิจิทัล "วันคอยน์" แลกเบนซ์-บ้านเดี่ยว
กองปราบปราม จับหัวหน้าเครือข่ายหลอกลงทุน ซื้อเหรียญดิจิทัล "วันคอยน์" ประชาชนหลงเชื่อ ความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

วันนี้ (5 ก.ย.62 ) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุมตัว นายมานะ จูเมือง อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” หลังติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีไปอยู่บริเวณ บริเวณสนามฟุตบอลพระราม 9 ฟุตซอล ถ.พระราม9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

นายมานะ และพวกรวม 7 คน ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนเวียดนาม ร่วมกันหลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย ชาวเวียดนามและคนไทยจำนวนมากลงทุนเงินดิจิทัลสกุลหนึ่ง ตั้งชื่อว่า "วันคอยน์" โดยใช้สถานที่พิพิธภัณฑ์บ้านดง โฮจิมินห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย-เวียดนาม ตั้งอยู่ใน ต.ป่ามะคาบ อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นสถานที่ในการดึงดูดชาวเวียดนามเข้ามาในประเทศไทย

จากนั้นได้ออกอุบายแนวทางการลงทุนให้นักลงทุนทั้งชาวเวียดนามและชาวไทยขึ้น โดยการสร้างสกุลเงินดิจิตอลสกุลหนึ่งชื่อ “วันคอยน์ (One Coin)” ขึ้นมาเพื่อให้นักลงทุนร่วมกันลงทุน เบื้องต้น กลุ่มนายมานะ ได้หลอกให้นักลงทุนทั้งคนเวียดนามและคนไทยนำเงินสดมาแลกกับเหรียญสกุลเงินวันคอยน์ ในอัตราการแลกเปลี่ยน 1,000,000 บาท ต่อ 100,000 เหรียญวันคอยน์ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนี้ จะมีการโฆษณาให้นักลงทุนที่สนใจร่วมลงทุนคือ เน้นให้สะสมเหรียญวันคอยน์ให้ได้จำนวนมาก และเมื่อสะสมเหรียญ วันคอยน์ได้ตามเงื่อนไขของการลงทุนที่กำหนดไว้แล้ว ผู้ลงทุนจะสามารถนำเหรียญวันคอยน์ไปแลกสินค้าต่างๆ ได้ เช่น 10,000 เหรียญวันคอยน์ สามารถแลกทองคำน้ำหนัก 1 บาท หรือ 1,000,000 เหรียญวันคอยน์สามารถ แลกรถเบ๊นซ์ได้จำนวน 1 คัน หรือบางส่วนก็สามารถนำไปแลกบ้านเดี่ยวได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ นายมานะ ยังอ้างว่าระหว่างที่สะสมเหรียญวันคอยน์ ถ้าครบตามกำหนดระยะเวลาก็จะมีการปันผลให้อีกส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ในการลงทุนทั้งหมด กลุ่มของนายมานะได้ใช้เงินลงทุนบางส่วนไปซื้อที่ดินของชาวบ้าน จ.พิจิตรในจำนวนหลายสิบไร่ สำหรับใช้แอบอ้างเป็นสถานที่ทำการใหญ่ของกลุ่มผู้ประกอบการเงินสกุลวันคอยน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้ร่วมลงทุน และทำให้ผู้ร่วมลงทุนคนอื่นที่พบเห็นและชักชวนกันมาลงทุนจำนวนมาก

ต่อมาการลงทุนในกลุ่มสกุลเงินวันคอยน์ไม่สามารถที่จะปันผลกำไร หรือแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ตามที่โฆษณาไว้ให้กับผู้ลงทุนตั้งแต่ต้นได้ จึงทำให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุนเป็นจำนวนมากรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนาม และมีคนไทยที่ร่วมลงทุนอีกจำนวนหนึ่ง 

จากนั้นได้มีผู้เสียหายรวมตัวกันแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องขอหมายจับนายมานะ กับพวก ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยหลังจากจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง สภ.เมืองพิจิตร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง