กรมรางเตรียมเคาะลดค่าโดยสารอีก 2 สัปดาห์

เศรษฐกิจ
6 ก.ย. 62
17:40
454
Logo Thai PBS
กรมรางเตรียมเคาะลดค่าโดยสารอีก 2 สัปดาห์
กรมการขนส่งทางราง ยื่นข้อเสนอเอกชนพิจารณาแนวทางลดค่าโดยสาร เบื้องต้นมี 2 รูปแบบคือ จัดทำตั๋วเดือนและลดค่าโดยสารช่วงนอกเวลาเร่งด่วน คาดหาข้อสรุปได้ในเดือน ก.ย.นี้

วันนี้ (6 ก.ย.2562) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารระบบขนส่งทางราง ว่า เบื้องต้นมี 2 แนวทางหลัก คือการส่งเสริมการใช้บัตรโดยสารแบบรายเดือน และการลดค่าโดยสารช่วงนอกเวลาเร่งด่วน (off peak)

 

ทั้งนี้ จะหารือว่าจะสามารถปรับลดราคา จากราคาสูงสุด 45 บาท เหลือ 25 บาทได้หรือไม่ แต่การปรับลดราคา ข้อดีคือคนอาจเดินทางนอกช่วงเวลาเร่งด่วนมากขึ้น ช่วยลดความแออัดภายในขบวน และมีการใช้รถส่วนตัวลดลง

จะทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกระบบ 10% หรือประมาณ 1.5 แสนคนต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.33 ล้านคนต่อวัน คาดว่าในเดือน ก.ย.นี้จะเสนอ รมว.คมนาคม พิจารณา และเริ่มทดลองได้ภายในปีนี้

อย่างไรก็ตามยังต้องหารือหน่วยงานต่างๆ ว่ามีความพร้อมหรือไม่ เพราะผู้ให้บริการอาจจัดเก็บรายได้ต่อเที่ยวลดลง แต่จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

 

อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ยังยืนยันว่า ทั้ง 2 รูปแบบนี้จะไม่กระทบกับสัญญาสัมปทานและงบประมาณที่จะใช้ โดยกรมการขนส่งทางรางตั้งเป้าหมายจะประชุม 2 ครั้ง คือวันนี้ (6 ก.ย.) และอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า หลังได้ข้อสรุปจะนำเสนอแนวทางให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา โดยเชื่อว่าการปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะช่วยลดค่าครองชีพประชาชน และจะสามารถประกาศบังคับใช้ได้ปีนี้

 

ด้านนายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีข้อสรุปมาตรการระยะสั้น เป็นมาตรการตั๋วโดยสารรายเดือน เพื่อส่งเสริมมาตรการการเดินทางในระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งยังลดราคาจ่ายสำหรับผู้โดยสารด้วย

ส่วนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ อยู่ระหว่างจัดทำแผนรายละเอียดตั๋ว เพื่อเสนอต่อบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณารายละเอียด คาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าโดยสารผ่านตั๋วเดือนได้ภายในปี 2562 โดยภายใน 2สัปดาห์จะสรุปร่วมกันกับผู้เกี่ยวข้องผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า เพื่อกำหนดจำนวนเที่ยว

เบื้องต้นจะต้องจำกัดจำนวนเที่ยวให้บริการแบบอัตราพิเศษ ซึ่งช่วงระยะเวลาเร่งด่วนให้บริการ 6 ชั่วโมง โดยมีผู้โดยสารร้อยละ 60 ส่วนช่วงเวลาไม่เร่งด่วนจะมีผู้โดยสารใช้บริการร้อยละ 40

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง