วันนี้ (19 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่บริษัท อรามโค ของประเทศซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีช่วง 2 วันที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ช่วง 2 วันที่ผ่านมา พบว่า สถานการณ์คลี่คลายลงและสามารถกลับมาผลิตน้ำมันได้ถึงร้อยละ 50 แล้วส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงช่วยลดความตึงเครียดต่อราคาน้ำมันขายปลีกในไทย
ยังคงมองราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงสิ้นปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นค่ากลาง จากที่นักวิเคราะห์ประเมินราคาน้ำมันเฉลี่ย 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้ ก็จะส่งผลดีต่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบน้อยลง ตามมติ กบง.ที่ลดราคาเบนซินและดีเซล เพื่อดูแลราคาน้ำมันไม่ให้กระทบกับประชาชน
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังได้จำลองสถานการณ์ การปิดช่องแคบฮอร์มุซ จากเหตุความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลเตหะรานของอิหร่าน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของไทยหายไปถึงร้อยละ 62 ต่อวันและทำให้มีปริมาณน้ำมันไม่เป็นพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ จึงต้องมีการประกาศใช้มาตราการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อบริหารจัดการแบ่งสรรปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับภาคส่วนที่มีความสำคัญและเพื่อความมั่นคงของประเทศ เพราะได้จำลองเพิ่มเติมให้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงยังมีมาตรการดูแลราคาน้ำมัน ผ่านกลไกของสำนักงานนโยบายแผนพลังงานและบริหาร เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยดูแลเพื่อลดผลกระทบวิกฤตในทุกด้าน ซึ่งหลังจากที่มีการซ้อมแผนแล้วหากพบปัญหาที่ไม่ชัดเจน เช่น การประสานงานระหว่างหน่วยงานให้สรุปปัญหา จากการประเมินสถานการณ์นำกลับมาเสนออีกครั้งภายใน 1 เดือน
ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน นายสนธิรัตน์ ระบุว่า หลังจากเปิดรับฟังความเห็นแต่ละภาคส่วน ได้รับการตอบรับจากชุมชน ผู้ประกอบการ องค์กรต่างๆ มีความตื่นตัวการจัดทำโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ยังต้องพิจารณารายละเอียดเพื่อวางรูปแบบโรงไฟฟ้าว่าจะเป็นรูปแบบใด และกำหนดพื้นที่ เป็นไปตามเป้าหมายคือต้องสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและรายได้ให้ชุมชน เพื่อให้มีผลต่อเศรษฐกิจ