“อธิรัฐ”สั่งจับตาขนส่งสินค้าทางเรือไป 3 ประเทศ

เศรษฐกิจ
25 ก.ย. 62
14:54
688
Logo Thai PBS
“อธิรัฐ”สั่งจับตาขนส่งสินค้าทางเรือไป 3 ประเทศ
รมช.คมนาคมสั่งจับตาการขนส่งสินค้าทางเรือไป นิวซีแลนด์-ออสเตรเรีย-ญี่ปุ่น หลังพบยาเสพติดล็อตใหญ่ในเรือขนสินค้า พร้อมเร่งศุลกากรตรวจคุณภาพเครื่องเอ็กซเรย์

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาของผู้ส่งออกทางน้ำ หลังจากกรณีที่ศุลกากรนิวซีแลนด์ สามารถยึดไอซ์ได้ 452 กก. โดยซุกซ่อนในมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ส่งผ่านมาจากไทยออกไป และถือว่าเป็นยาเสพติดล็อตใหญ่ที่สุดที่เคยจับมาว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งกำชับให้กระทรวงคมนาคม เร่งหามาตรการสกัดสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ให้เกิดซ้ำนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศ

 

โดยขอความร่วมมือจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) กรมศุลกากร,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.)ผู้ประกอบการและภาคเอกชนเพื่อมาระดมความคิดเห็นปิดช่องโห่ว เบื้องต้นจากเหตุการณืที่เกิดขึ้นที่ยาเสพติด ได้หลุดไปผ่านช่วงการเอ็กซเรย์ของกรมศุลกากร ซึ่งตรวจไม่พบ จากการสอบสวนมากว่า 1 เดือนพบว่า เป็นเครือข่ายจากต่างประเทศ ไม่ใช่ของไทย 

ได้ย้ำกับกรมศุลกากร ในการตรวจสอบอุปกรณ์เอ็กซเรย์ รวมถึงมาตรการตรวจเช็ค เพราะนอกจากเอ็กซเรย์ไม่พบแล้วยังต้องมีการสันนิฐานตู้ต้องสงสัย โดยได้ประสานกับ ปปส.ในเรื่องการข่าวให้เข้ามาช่วยด้วย และกรมศุลกากรต้องใช้วิจารณญาณพอสมควร จากข้อมูลในการตรวจสินค้าส่งออกทางน้ำในแต่ละวันประมาณ 2 หมื่นตู้ ซึ่งจะต้องจับตาเป็นพิเศษคือ ประเทศนิวซีแลนด์, ออสเตรเรีย และญี่ปุ่น ถึงแม้เครื่องเอ็กซเรย์จะตรวจผ่าน แต่อาจจะต้องมีการเปิดค้นตู้ด้วย โดยขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ชิปปิ้งต่างๆ และสมาคมที่มีลูกค้าอยู่ในมือ ว่าตรงไหนหน้าสงสัย ก็ให้ข้อมูลกับกรมศุลกากรไว้

ส่วน กทท.ต้องตรวจสอบในเรื่องของน้ำหนักสินค้าที่ขนส่งจริงกับเอกสารที่ระบุให้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เพราะกรณีการขนยาเสพติดไปนิวซีแลนด์ พบว่าน้ำหนักที่ถูกระบุในเอกสาร ไม่ตรงกันกับน้ำหนักที่มีการตรวจผ่าน 

 

หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงาน โดยกรมศุลกากรเป็นเจ้าภาพใหญ่ ส่วนหน่วยงานอื่นๆจะเป็นแนวร่วมสนับสนุนข้อมูล ส่วนมาตการเฝ้าระวังได้ข้อความร่วมมือให้กรมศุลกากรเพิ่มเจ้าหน้าที่ในการเปิดตู้มากขึ้น ตรงมีความสงสัยในเรื่องของน้ำหนักที่ผืดสังเกต เรื่องของจุดหมายปลายทางมากขึ้น รวมถึงการข่าวที่ได้ข้อมูลมาต้องมีการตรวจสอบนี่คือมาตรการเร่งด่วนให้ทำหลังจากนี้

สำหรับเหตุการณืที่เกิดขึ้น ไม่มีรายงานข่าวล่วงหน้า จึงได้ย้ำกับตำรวจ ปปส.ว่า การข่าวเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมืออาชีพ มีการทำงานแบบเป็นเครือข่าย หลังจากนี้จะมีการทำงานร่วมกัน โดยการส่งข้อมูลให้กันเพื่อสกัดไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง