ศิลปินร็อค-เมทัล แต่งเพลงจากสุนทรพจน์ "เกรตา ธันเบิร์ก"

แนวเพลงที่ว่า ก็คือดนตรีแรงๆ แนว "สวีดิช เดธ เมทัล" ที่ยิ่งขับให้สุนทรพจน์ทรงพลังของ "เกรตา ธันเบิร์ก" เผ็ดร้อนและหนักแน่นขึ้นไปอีก ใครที่มองว่าปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องไกลตัว ได้ฟังเวอร์ชั่นนี้ก็ต้องมีตื่นตัวกันบ้าง

นี่เป็นผลงานของยูทูปเบอร์ ที่ใช้ชื่อแชแนลในยูทูปว่า "John Mollusk" ซึ่งนำสุนทรพจน์ที่เป็นที่พูดถึงของนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหญิง มาใส่ทำนองแบบหนักหน่วงสไตล์เดธ เมทัล จัดเต็มทั้งเสียงกลอง เสียงริฟฟ์กีต้าร์แบบหนักๆ ตลอด 2 นาที แถมยังเข้าใจเลือกท่อนสุนทรพจน์ช่วงเร้าอารมณ์ ที่มีคำพูด How Dare You หรือคุณกล้าดียังไง อันลือลั่นด้วย

"เธอเป็นเด็กสาวที่พังค์สุดๆ"

ภาพลักษณ์ความดุดัน กล้าพูดกล้าท้าชนระดับผู้นำโลก ทั้งที่อายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ทำให้ "เกรตา" กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินชาวร็อก และเมทัลมากมาย หนึ่งในนั้น คือนักร้องนำวงร็อค The 1975 "Matthew Healy" ที่ปลาบปลื้มเธออย่างมาก ถึงกับบอกว่า "เกรตา" มีจิตวิญญาณที่ "พังค์สุดๆ" จากที่เขาเคยคิดว่าปัญหาโลกร้อนยังไงก็แก้ไม่ได้ มนุษย์ไม่มีทางสู้ได้แน่นอน แต่ความจริงจังของเด็กหญิงวัย 16 ปี และความมุ่งมั่นที่จะลงมือเปลี่ยนโลก ก็ทำให้เขารู้สึกมีความหวัง



ทั้งคู่มีผลงานร่วมกันด้วย ในบทเพลงชื่อ "The 1975" ซึ่งเปิดมาด้วยเสียงของ "เกรตา" พูดว่า "พวกเรากำลังเข้าสู่วิกฤตสภาพอากาศและระบบนิเวศ และพวกเราต้องยอมรับว่า นี่คือเรื่องฉุกเฉิน" คลอไปกับเสียงเครื่องดนตรีร็อก โดยรายได้จากเพลงนี้ทั้งหมด จะนำไปสมทบองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม Extinction Rebellion ด้วยค่ะ

ความกราดเกรี้ยวต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมคือ "สิ่งจำเป็น"

ขณะที่ "Yannis Philippakis" นักร้องนำวงร็อก Foals เป็นอีกคนที่ออกตัวหนุนจุดยืนของนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมหญิง ซึ่งวงร็อกสัญชาติอังกฤษ ยังเคยร่วมเดินขบวนรณรงค์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศด้วย เขากล่าวว่า สุนทรพจน์บนเวทีสหประชาชาติของ "เกรตา" เป็นสุนทรพจน์ที่สมบูรณ์แบบ และความกราดเกรี้ยวนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในขณะนี้ อย่าคิดไปเองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมจะแก้ไขได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะเราต่างรู้ว่ามันไม่ใช่ และผู้นำโลก ไม่ว่าจะโดนัลด์ ทรัมป์, บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และฌาอีร์ โบลโซนารู แห่งบราซิล พวกเขาไม่มีทางลงมือเพื่อช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมแน่นอน



แม้การเคลื่อนไหวของคนดัง และกระแสความสนใจต่อ "เกรตา ธันเบิร์ก" อาจถูกมองว่าเป็นสีสัน รวมถึงการเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องส่วนตัวของนักเคลื่อนไหววัย 16 ปี มากกว่าเนื้อหาที่เธอพยายามสื่อสาร หากเรื่องสำคัญ คือการ "ลงมือทำ" ที่มาจากพลังของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หวังเปลี่ยนโลก จากความกล้าออกมาส่งเสียงของตัวเอง เพื่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต