ตำรวจเตือนอย่าตื่นตระหนก สั่งร้านค้าเก็บข้อมูลไวไฟมีมานานแล้ว

อาชญากรรม
9 ต.ค. 62
11:05
3,143
Logo Thai PBS
ตำรวจเตือนอย่าตื่นตระหนก สั่งร้านค้าเก็บข้อมูลไวไฟมีมานานแล้ว
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก กรณีร้านค้าเก็บข้อมูลลูกค้าใช้บริการไวไฟ และถูกเก็บข้อมูลไว้ 90 วัน

วันนี้ (9ต.ค.2562) เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ การให้ร้านกาแฟ ร้านเทอร์เน็ตปล่อยWIFIให้ลูกค้าเล่นเน็ตต้องเก็บข้อมูลตามกฎหมาย ว่า

ขอเรียนว่าจากประเด็นกรณีดังกล่าวนั้น ที่มีการเตือนให้ ร้านกาแฟต่างๆ ร้านที่ให้บริการเน็ตคาเฟ่ หรือในลักษณะที่เปิดให้ผู้ใช้บริการต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต WIFI ภายในร้าน ให้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์( Logfile) ของผู้ลงทะเบียนใช้ WIFI ของร้านเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รัฐใช้ในการสืบสวนสอบสวนกรณีเกิดการกระทำความผิดตามกฎหมายบ้านเมือง

ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการดำเนินการของผู้ให้บริการตามกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ทำให้พี่น้องประชาชนต้องยุ่งยาก ลำบาก หรือเกิดความเสียหายแต่อย่างใด

รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวมีการประกาศบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2550 แล้วซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยหลักแล้วกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ผู้ที่ให้บริการดำเนินการเก็บข้อมูล ไม่ใช่ผู้ใช้บริการ สำหรับประชาชนทั่วไปก็สามารถใช้บริการหรือดำเนินการต่างๆได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลหรือตื่นตระหนก

โดยภาครัฐให้ผู้บริการทำการเก็บข้อมูล ก็เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ใช้ในการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดกฎหมายบ้านเมืองในคดีต่างๆทุกประเภท อาทิ อาทิเช่น คดีความมั่นคงคดีฉ้อโกง หลอกลวง หมิ่นประมาท หรือเกี่ยวกับความผิดทางคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด ป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ถือได้ว่าเกิดประโยชน์แก่สาธารณะ

ซึ่งที่ผ่านมาในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คดีฉ้อโกงประชาชน หรือคดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากและผู้เสียหายจำนวนหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์สืบสวนสอบสวนจนสามารถนำสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จากการใช้ข้อมูลในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อีทั้งยังถือเป็นหลักสากล ที่นานาประเทศ ก็ดำเนินการในลักษณะคล้ายกับประเทศเรา ที่กฎหมายบังคับเช่นนี้ก็เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งในปัจจุบันการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือบนโลก Social Media นับวันจะมีจำนวนพิ่มมากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง