วันนี้ (11 ต.ค. 2562) เกิดเหตุระเบิดรุนแรงบริเวณด้านนอกอาคารผู้อำนวนการเขตในบริเวณจังหวัดทางภาคใต้ของตุรกี หลังจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตุรกีเปิดฉากโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน ขณะที่หลายพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคใต้ของตุรกีถูกโจมตีด้วยจรวดและระเบิดหลายระลอก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากซึ่งรวมไปถึงผู้หญิงและทารกวัย 9 เดือนด้วย
กระทรวงกลาโหมตุรกีระบุว่า “กองทัพได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักรบติดอาวุธของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน หรือ PKK และกองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรียที่พุ่งเป้าโจมตีพลเรือนชาวตุรกีเป็นหลัก”
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หวังว่า “สหรัฐอเมริกาจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างตุรกีกับกองกำลังชาวเคิร์ด พร้อมทั้งระบุว่าชาวอเมริกันคงไม่ต้องการให้ส่งทหารกลับไปยังพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง”
ขณะที่ฌอง-อีฟ เลอ ดรียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส “เรียกร้องให้จัดการประชุมฉุกเฉินของแนวร่วมต่อต้านกลุ่มไอเอสโดยเร็วที่สุดเพื่อหารือเกี่ยวกับท่าทีแข็งกร้าวของตุรกีต่อกองกำลังชาวเคิร์ด” เนื่องจากกลุ่มไอเอสอาจสบโอกาสกลับมาแผ่ขยายอิทธิพลในซีเรียอีกครั้ง หลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศถอนกำลังพลออกจากซีเรีย โดยให้เหตุผลว่า “กลุ่มไอเอสถูกกวาดล้างอย่างราบคาบเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา”